Monday, December 10, 2007

มาสร้าง Google Sitemaps เพื่ออนาคตกันดีไหม

มาสร้าง Google Sitemap เพื่ออนาคตกันดีไหม
Google Sitemap มีความสำคัญอย่างไร ถึงบอกว่า “เพื่ออนาคต”
สำหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ นั้น ความมุ่งหวังก็เพื่อให้มีคนเข้ามาในเว็บมากๆ ด้วยเหตุผลหรือจุดมุ่งหวังนานาประการ ฉะนั้นคนสร้างเว็บจึงต้องสร้าง Traffic ด้วยวิธีการที่เป็นมาตรฐาน ที่เราเรียกกันว่า การทำ Search Engine Optimization, SEO
ด้วยวิถีทางที่เป็นมาตรฐานนั้นถูกกำหนดมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยผู้ครอบครองตลาดวงการอินเตอร์เน็ต สำหรับในวงการ Search engine ได้แก่ Google, Yahoo และ MSN
เราๆ ผู้ทำ Google AdSense นั้น การทำ SEO จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งเป็นเว็บที่สร้างใหม่ๆ Domain ก็ใหม่ด้วย ถ้าต้องการให้ได้ผลเร็วๆนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้บริการของ Yahoo นั่นคือ การขอ Submit URL กับ Yahoo [แต่ว่าค่าใช้จ่ายแพงเหลือเกิน] หรือการทำ Google AdWords [อันนี้ขึ้นกับความสามารถอย่างยิ่งๆๆ ถ้าใครจะทำ ขอให้ไปเข้าเรียนกับ อ.ตราวุฑธิ์ฯ ก่อน ถ้าจะทำแบบปูปลาๆ [อ่านว่า ปูปลา ปูปลา] ผมไม่สนับสนุน
อย่าเพิ่งท้อใจครับ ยังมีอีกวิธีครับที่ให้ผลเร็ว คือ การไป Post และทิ้ง URL ไว้ [ทางที่ดีแนะนำให้ใช้ email signature ครับ] อันนี้ได้ผลเร็ว แต่เราต้องขยันให้มากๆครับ สำหรับหลักการโพสและแหล่งที่เราจะไป Post นั้น คงไม่ต้องแนะนำนะครับ
เรากลับมาที่ Topic ที่ขึ้นต้นกันดีกว่า ไม่ว่าคุณจะทำ SEO ด้วยวิธีการไหนก็ตาม สิ่งที่ละเว้นไม่ได้ก็คือ การทำ Google Sitemap ให้กับเว็บไซต์ของคุณ เพราะจะให้ผลดีกับเว็บของคุณในระยะยาว
Google Sitemap ก็คือ ใบบอกทางให้กับ web crawler ที่จะไต่ไปตามโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ของเรา เพื่อที่ search engine จะได้มาเก็บข้อมูลของเราไว้ในฐานข้อมูล นอกจากนั้น นอกจากนั้น Google Sitemap ยังบอกเราด้วยว่า เว็บไซต์ของเรามี sites หรือ Webpages อันไหนที่ไม่ทำงานด้วย [เชื่อหรือไม่ว่าเว็บไซต์ของผม ที่มี 15 sites และมากกว่า 120 webpages นั้น พบว่า เมื่อตรวจสอบด้วย Google Sitemaps แล้ว มี ถึง 32 items ที่ไม่ทำงาน แม้ว่าจะได้พิถีพิถันแล้วก็ตาม]
วิธีการสร้าง Google Sitemap [ดูเหมือนมีขั้นตอนมาก แต่จริงๆแล้วง่าย]
1. เข้าไปที่ http://www.xml-sitemaps.com/
2. ใส่ URL ของเว็บไซต์ของเราที่ต้องการสร้าง Google Sitemap ลงในช่องว่างของ starting URL เสร็จแล้ว คลิก Start ระบบจะทำการสร้าง Sitemap ให้เรา เมื่อแล้วเสร็จจะปรากฏคำว่า “Generated sitemap is ready” ให้เราไปคลิกที่ “Download Un-compressed XML.sitemap” และ Save ไว้ใน file ที่ชื่อ sitemap.xml
3. นำ file ที่ชื่อ sitemap.xml ไป Upload ขึ้นเว็บของเรา โดยให้อยู่ในระดับเท่ากับ index.html [ก็ root นั่นละครับ] เช่น http://www.onniche.com/sitemap.xml/
4. ไปที่ http://www.google.com/webmaster_tools/ จะพบ Google my Site ให้คลิกที่ Add sitemap [อยู่แถวเดียวกับรายชื่อเว็บไซต์ของเรา] ให้ทำตามขั้นตอนที่กำหนด และเลือก Add general web sitemap และกำหนดชื่อ My sitemap URL ตามตัวอย่างของ Google เช่น http://www.onniche.com/sitemap.xml เสร็จแล้ว คลิก Add web sitemap ระบบจะขึ้น Pending เมื่อเสร็จแล้วจะขึ้น verify ถึงตอนนี้ระบบจะให้เราเลือก 2 หนทาง ให้เลือก upload an html file ระบบก็จะให้ file มาให้เรา เช่น http://www.onniche.com/googlexxxxxx.html ให้ copy ไว้
5. ให้สร้าง folder เปล่า มี file ที่เรา copy มาอยู่ [ผมใช้ dreamweaver8] และ upload ขึ้นเว็บของเรา
6. ไป คลิก verify ใน ข้อ 4 ระบบจะอ่านเว็บไซต์ของเราและวินิจฉัยให้ด้วย ก็เป็นอันเสร็จพิธี แต่ถ้าเรามีการปรับปรุงเว็บไซต์มาก เราก็ควรที่จะมาสร้าง sitemap ใหม่

Friday, December 7, 2007

HyperVRE Site Step1

Chapter 3
ขบวนการสร้าง Sites Step 1

Matt Callen: คุณจะบอกถึงขบวนการสร้าง AdSense Sites ของคุณ ซึ่งคุณสามารถ Focus ไปยังตลาดที่เป็น Niches ได้หรือไม่
Abhishek: เมื่อผมตัดสินใจใน Niches นั้นๆ แล้ว ผมก็จะเริ่มสร้าง Sites ด้วย HyperVRE
การสร้าง Sites ในครั้งแรกรู้สึกว่ายากและหลังจากนั้นแล้วก็ง่าย ซึ่งผมสามารถสร้าง Sites ได้มากมายภายใน 1 วัน HyperVRE ช่วยทำให้การทำงานของผมดีขึ้น โดยเฉพาะ HyperVRE Gold มันทำให้ผมไม่ต้องเหนื่อย ผมเห็นด้วยกับ Matt ที่เขาพูดว่า “HyperVRE ช่วยลดการสูญเสียเวลาไปกับการทำงานตนเองเสียที”
ก่อนที่จะสมัครเป็น Free HyperVRE นั้น ผมไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยอะไรผมได้ แต่เมื่อผมได้เริ่มใช้และเป็น Gold ก็ไม่มีข้อสงสัยอีกเลย ผมรักมัน
ถ้าคุณเคร่งเครียดเกี่ยวกับการสร้าง Web Sites คุณควรจะใช้ HyperVRE Gold ผมสามารถได้ทุนคืนภายในระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยหรือกังวลกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้เลย การซื้อ HyperVRE Gold เป็นการซื้อที่ดีที่สุดของผมเลยทีเดียว ที่ผ่านมา ถ้าปราศจาก HyperVRE ผมก็ไม่สามารถสร้าง Sites ได้ขนาดนี้ และก็คงไม่มี กรณีศึกษาที่คุณเห็นอยู่นี้เช่นกัน
ก่อนที่ผมจะเริ่มสร้าง Sites ด้วย HyperVRE ผมจะทำในสิ่งต่อไปนี้
1. การตัดสินใจเลือก Niches ที่จะสร้าง Sites (ผมได้กล่าวไว้แล้วว่าผมมีวิธีเลือกอย่างไร)
2. สร้าง Header Image สำหรับ Niches ซึ่งคุณสามารถเลือกจาก Image-Editing Tool ผมพบว่า การสร้าง Header Image นั้นสัมพันธ์กัน Niches Topic เป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่เดี่ยวก่อน คุณสามารถใช้ Header image ทั่วๆ ไป เพื่อให้สัมพันธ์กับ Topic อื่นๆ ก็ได้
3. การตัดสินใจที่จะเลือก Templates ซึ่งผมมักจะใช้ Templates ที่ผมเคยใช้และให้ผลดีกับผมมาก่อนหน้านี้
ดูตัวอย่างข้างล่าง Header Image นี้ค่อนข้างจะเฉพาะเจาะจงกับ Niches Topic ของ “Acting” แล้วผมก็ไว้ให้ HyperVRE ทำต่อให้ผม Matt Callen: เมื่อคุณสร้าง Templates คุณมักจะสร้าง AdSense ไว้ในตำแหน่งเดิมใช่หรือไม่ คุณวางไว้ที่ไหน คุณเคยประสบความสำเร็จกับ AdSense รูปแบบไหนเป็นการเฉพาะ ที่ไม่เหมือนกับคนอื่นหรือไม่Abhishek: ใช่ ผมจะวาง AdSense Ads ไว้ในที่ที่เดียวกันในแต่ละ Templates ผมได้ทดลองวางไว้ในที่ที่ต่างๆ กัน แต่ผมก็เลือกวางไว้ในที่ๆ ให้ Best CTR (Click-Through-Rate) ผมชอบที่จะใช้ AdsFormats ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ (Large Rectangle) ณ ตำแหน่ง “above the fold” และมักใช้ Sky Scraper ที่ด้านข้างของหน้า ผมได้ทดลองจะใช้รูปแบบ Ads ต่อไปนี้
- Leaderboard (728x90) - Banner (468x60)
- Wide Skyscraper (160x600) - Large Rectangle (336x280) - Medium Rectange (300x250)
จากผลการทดลองใช้ผมพบว่ารูปแบบที่ให้ผลดีสำหรับผม คือ
1. Large Rectangle (336x280)
2. Medium Rectange (300x250)
3. Wide Skyscraper (160x600)
ข้อคิดเห็นของ Matt
Abhishek กล่าวว่าเขาจะวาง Ads บางอันไว้ที่ “Above the fold” ในที่ที่ซึ่งสามารถมองเห็นได้ โดยไม่ต้อง Scrolling Down สิ่งนี้เป็นการถูกต้องซึ่งจะทำให้ได้ CTR สูงๆ
Abhishek: กฎของตำแหน่งการวาง Ads นั้นเป็นจริง ผมผสมผสานการวาง Ads ด้วย Content และต้องแน่ใจว่า Ads ทุกอันอยู่ above the fold ผมจะโฟกัสไปที่ การมีความสัมพันธ์ระหว่างกันของ Content ดังนั้น Google จะส่ง AdSense Ads ที่ตรงกับ Keywords เฉพาะที่สร้างกำไรให้ผม ซึ่งจะทำให้ CTR และ PPC ของผมสูงด้วย
ผมไม่เคยคิดที่จะทำให้ AdSense Ads ของผมแยกมาต่างหากจาก Content เพราะว่าถ้า AdSense Ads มาอยู่ต่างหากจะทำให้เป็นการโฆษณามากไป ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการ ดังนั้นผมจึงผสมผสาน AdSense Ads ด้วย Content
ปกติผมจะใช้ Background เป็นสีขาว ดังนั้น ผมจึงใช้ Background ของ AdSense Ads เป็นสีขาว ซึ่งทำให้ AdSense Ads และ Content ของผมเป็นเนื้อเดียวกัน ผมเคยใช้ Image ต่อจาก AdSense Ads ซึ่งทำให้ CTR ของผมดี ไม่แปลกเลยที่ Google ออกกฎมาห้ามทำดังกล่าว ซึ่งผมก็ยินดี ปฏิบัติตามกฎใหม่นี้
บททบทวน
- ตรวจดู Templates ของ Abhishek ข้างบน
- Abhishek สร้าง Header Image ให้มีความสัมพันธ์กับ Niches ที่เขากำลังสร้าง Sites
- AdSense Ads ที่ให้ผลดีกับเขาคือ
-. Large Rectangle (336x280)
-. Medium Rectange (300x250)
-. Wide Skyscraper (160x600)
- เขาต้องมั่นใจว่าเขาได้ผสมผสาน AdSense Ads กับ Content ให้เป็นเนื้อเดียวกันและให้ AdSense Ads อยู่ใน Above the fold
- เขาไม่ใส่ Image ต่อจาก AdSense Ads ซึ่งผิดกฎของ Google

Thursday, December 6, 2007

Chapter 2 การเลือก Niche

Chapter 2 HyperVRE Case Study Report # 1
การเลือก Niche ที่สามารถสร้างกำไร

Matt Callen: คุณมีวิธีตัดสินใจอย่างไรว่า Niche Market ไหนที่จะสร้างกำไรให้คุณ เพื่อที่คุณจะได้สร้าง Sites ที่มี AdSense เกี่ยวกับเรื่องนั้น
Abhishek: เป็นเรื่องที่ประหลาดทีเดียว ในครั้งแรกผมไม่เคยใช้ Software ใดๆ เพื่อใช้หา Niche Market ที่มีพื้นฐานมาจาก Keywords เลย เริ่มต้น ผมได้ซื้อ InstantAdsenseTemplates จาก Joel Comm. http://www.hypervre.com/ InstantAdsenseTemplates/ (aka IAT) Templates ของเขาอยู่บนพื้นฐานของ Popular Niches ซึ่งได้จากการวิจัยของเขาและทีมงาน ดังนั้นจึงเป็นการลดภาระในการหา Niches ดีๆ
ผมเริ่มแกะรอยจากรายได้ของ Adsense และตระหนักว่าหลายๆ Niches นั้นไม่ได้สร้างรายได้ให้ผม ในความจริงก็คือผมเสียเงินไปมากกับ Niches เหล่านั้น
ด้วยการทดสอบอย่างระมัดระวัง ผมได้เห็นแนวโน้มบางอย่าง ผมเห็นว่ามีบาง Niches( และ Sub-Niches) มักสร้างกำไรและบางอันก็ไม่เลย ผมตัดสินใจทิ้งพวกที่ไม่สร้างกำไรนั้นๆ และมาสร้าง Sites ที่มุ่งเน้นไปยัง Sites ที่สร้างเงินจริงๆ
ดังนั้น ผมจึงค้นหาจาก Net และดาวน์โหลด Pre-made Profitable keyword lists และทำให้มีประสิทธิภาพ แล้วผมก็แบ่งออกเป็นกลุ่ม โดยอาศัยจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าอันไหนเป็น Sites ที่สร้างกำไรหรือไม่สร้างกำไร
ผมขอกล่าวว่า ผมไม่อาจบอกได้ว่า ด้วยเครื่องมือไหนที่จะทำให้ผล 100% ว่า Niches ที่ผมคัดสรรมานี้สร้างกำไรให้หรือไม่ แต่ถ้าผมค้นหา Keyword อย่างดี ผมก็มีโอกาสที่จะได้ Niches ที่ดี แต่รายได้ของผมขึ้นกับ Google และกลวิธีด้านราคา ซึ่งส่วนมากมีราคาที่ต่ำมาก แม้แต่ Niches ที่สร้างกำไรสูงๆ ก็ตาม ผมไม่สามารถแน่ใจได้จนกว่าผมจะได้สร้าง Sites และคอยดูมัน
ตั้งแต่ผมซื้อ IAT Package จาก Joel Comm ผมมีจำนวนกลุ่มของ Popular Ideas สำหรับ Sites พร้อม Templates และบทความที่มีประมาณ 300 กลุ่ม
ผมสร้าง Sites จากกลุ่มเหล่านี้โดยใช้ HyperVRE แล้วก็รอดูว่าจะสร้างกำไรหรือไม่ ตามที่บอกไว้แล้วผมลบ Niches ที่ไม่สร้างกำไร ซึ่งผมก็สูญเสียรายได้ไปกับมันถึง 100 Sites และมี Sites ที่ดีเหลือ 200 Sites
คุณจะเห็นว่าตอนเริ่มต้นผมไม่มีโอกาสจะได้เลือก Niches จากการสืบค้น เมื่อ Niches แรกได้พิสูจน์แก่ผม นั่นคือ ผมไม่ต้องออกไปค้นหา Niches ด้วยตัวผมเอง เหมือนตอนแรก
อีกครั้ง ตามที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้าเมื่อผมวิเคราะห์ Sites ที่สร้างเงินให้ ผมก็เริ่มมองหาแนวโน้มของ Sites ที่จะจ่ายดีๆ และชนิดของ Sites ที่จ่ายไม่ดี
นั่นคือ เมื่อผมเริ่มค้นคว้าหา Keyword ผมจะค้นหาจาก List ที่พบใน Internet และ Top 40K Keyword list ซึ่งมีให้สำหรับสมาชิก HyperVRE Gold
มีบางสิ่งที่ผมอยากให้เห็นเมื่อพยายามที่จะคาดการณ์ว่า Niches นั้นจะสร้างกำไรหรือไม่ ผมใช้คำว่า Predict เหมือนกับที่ผมพูดมาก่อน คุณไม่มีทางมั่นใจ จนกว่าคุณจะได้ทำมันจริงๆ ถ้าอันไหนไม่สร้างรายได้ก็ตัดทิ้งไปและไปค้นหา Niches ใหม่
ผมมองหามาตรวัดสำหรับการค้นหา Keyword ผมจะดูไปที่ค่าเฉลี่ยของ CPC จำนวนโฆษณาสำหรับ Keyword นั้น และจำนวนของการค้นหาต่อเดือน แต่โชคไม่ดี เนื่องจากผมไม่ได้ใช้ Keyword Research Tool มาแต่ต้น ทำให้ผมจึงยังไม่มีมาตรวัดนี้ ในรายงานฉบับนี้
ข้อแนะนำของ Matt
เมื่อคุณค้นคว้าหา Keyword ที่จะสร้างกำไร (Niches) คุณควรจะมองหา Keyword ที่มีค่า CPC สูงๆ (Cost-Per-Click) มีจำนวนผู้ที่ต้องการโฆษณามาก มีจำนวนการค้นหาสูง แต่มีจำนวน Websites คู่แข่งขันใน Keyword นั้นน้อย
Abhishek: ปัจจุบันผมมี Keyword Elite และผมวางแผนที่จะใช้มันในการค้นหาตลาด Niches ที่สร้างกำไรในเร็วๆ นี้ เมื่อมันจะแสดงผลลัพท์ให้ผมได้พบมาตรวัดที่ผมต้องการ)
ต่อไป ผมสร้างบัญชีของกลุ่มต่างๆ ไว้ใน 1 File แล้วแบ่ง Keyword ออกไปเป็นกลุ่มเพื่อทำเป็นดัชนีหลัก (Main Directories) ที่น่าสนใจคือ ผมพบว่า Directories ผมเลือก จำนวน 300 Sites และ Directories ที่ผมพบจาก Keyword List นั้นคล้ายกันมาก
ต่อไปผมจะแบ่งย่อยเป็น Sub-Categorized และต่อไปเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น Category Finance, Sub-Categorized, Loan ต่อไปดึง Auto Loan และ Education Loan ดูข้างล่างประกอบ
Finance
Loan
Auto Loan
Education Loan
Etc.
Etc.
Mortgage
FHA Mortgage
Mortgage Loan
Etc.
Etc.
Law
Attorney
Mesothelioma Attorney
Divorce Attorney
Etc.
Etc.
หลังจากที่ได้ทำมาทั้งหมดผมจึงได้ Ideas สำหรับ Sites เป็นร้อยๆ ที่ผมสามารถเริ่มต้นทำงานต่อไป ซึ่งต้องมีหลาย Sites ที่ทำรายได้ให้กับผม ผมยังคงต้องติดตามต่อไป
ผมรู้ว่าที่ผมทำมานี้เป็นแนวทางที่แตกต่าง แต่เพราะผมมีข้อจำกัด (เวลา และเครื่องมือที่ช่วยในการหา Keyword ดีๆ) ผมจึงสามารถทำได้ดีที่สุดเท่านี้ ด้วยความจริงใจ มันรู้สึกว่าดีสำหรับผมแล้ว
เมื่อผมตัดสินใจที่จะ Focus ไปที่ Niches นั้นๆ ผมก็จะดำเนินการตามขบวนการของการสร้าง Sites ต่อไป
บททบทวน
- Abhishek ซื้อ Joel Comm’s Inatant AdSense Templates และเริ่มใช้ Niche Ideas จากมันสำหรับการเริ่มต้นของ Sites
- หลังจากที่เขา Upload Websites และดูผลของรายได้จาก Sites เขาก็สามารถรู้ได้ว่า Niches ไหนที่สร้างรายได้ให้เขาและ ลบ Niches ที่ไม่สร้างรายได้ออกไป
- จาก Keyword Niches ที่ได้สร้างรายได้ให้เขา ซึ่งได้จาก Pre-made Keyword list ที่เขาค้นจาก Net , HyperVRE Top 40K Keyword และจาก Keyword Elite เขาก็สามารถที่จะจำกัดขอบเขต ให้แคบลงโดยการแตก Niches ของเขาไปสู่ Sub-Categories ซึ่งจะทำให้เขาได้รับ Ideas มากขึ้นสำหรับการสร้าง Sites ที่คล้ายกับ Main Niches ที่สร้างรายได้ให้เขามาก่อนหน้านี้

Wednesday, December 5, 2007

Chapter 1 The Begining

Chapter 1 – The Beginning
Matt Callen: ช่วยบอกสักเล็กน้อยว่าคุณมีประสบการณ์ทางอินเตอร์เน็ตอย่างไร คุณเคยประสบความสำเร็จกับ AdSense หรือการทำ Affiliate ads ก่อนมาใช้ HyperVRE หรือไม่
Abhishek: ได้ครับ รู้จักกับผมสักเล็กน้อย ผมชื่อ Abhishek ผมหารายได้ทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้ eBay มา 3 ปี และยังคงใช้อยู่และไม่ได้ทำอย่างอื่นเป็นชิ้นเป็นอันเหมือน eBay ผมอาศัยอยู่ในอินเดียและเป็นผู้ที่มียอดการขายสูงสุดของ eBay ในอินเดีย ผมให้ความสนใจกับอินเตอร์เน็ต แต่ eBay เป็นธุรกิจที่แตกต่างจากธุรกิจทางอินเตอร์เน็ตอื่นๆ การขายของใน eBay ได้สร้างประสบการณ์อย่างมากมาย อย่างไรก็ตาม ผมจำต้องตื่นตัวอยู่ทุกๆ วันเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้
ผมเป็นคนขี้เกียจคนหนึ่ง ดังนั้น ผมจึงมองหาช่องทางที่จะสามารถสร้างรายได้ให้ผม ด้วยการทำงานเพียงเล็กน้อยผมจึงเริ่มค้นหาโอกาสอื่นๆ นอกจาก eBay ซึ่งก็เหมือนคนเริ่มหัดใหม่ ผมซื้อผลิตภัณฑ์และ eBook มากมายเพื่อค้นหาวิธีสร้างเงิน ซึ่งก็มีหลายๆ คนเสียค่าใช้จ่ายไปโดยไม่ได้อะไร ผมก็เช่นกัน
ในระหว่างนั้น ผมกำลังเริ่มอ่านเกี่ยวกับ AdSense และดูเหมือนว่าจะได้กำไรมาก อ่าน eBook และคำแนะนำและได้ยินนักการตลาดพูดว่าคุณควรจะสร้างเว็บไซต์ที่เป็น Niche ที่คุณสนใจมัน ผมเชื่อเขาเหล่านั้นและนั้นคือ สิ่งที่ผมทำ
ผมสร้าง Site ตามที่ผมสนใจชื่อ “Paranormal and Hidden Power of the mind” ผมใช้ AdSense และนั่งรอเวลาที่จะได้รับเช็ค ผมประหลาดใจที่ผมไม่ได้รับเช็คเลยเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ผมตระหนักในภายหลังว่าการสร้างเว็บไซต์ในสิ่งที่คุณสนใจ ไม่ใช่แนวคิดที่ดีที่จะทำให้มีกำไรได้ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ผมไม่มั่นใจว่าทำไมคนหลายๆ คนจึงพูดว่าสร้างเว็บไซต์ที่เป็น Niche ที่อยู่บนความสนใจของตนเอง บางทีสิ่งนี้เองที่สามารถทำให้ผมเริ่มสนใจพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต แต่ ไม่ใช่การสร้างรายได้ให้ผมอย่างแน่นอน
ผมพบอย่างรวดเร็วว่ามีตลาดที่สามารถสร้างกำไรและได้สร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับมัน ผมมีรายได้จาก Website “Paranormal and Hidden Power of the mind” เฉลี่ยวันละ 50 เซนต์จาก AdSense ไม่ดีเลยและผมได้ใช้เวลาไปอย่างมาก
ข้อแนะนำของ Matt
Abhishek ยกประเด็นที่ดีและผมเชื่อว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจ การค้นหา Niche นั้น จะต้องสืบค้นว่าประชาชนต้องการอะไรและนำเสนอสิ่งนั้นให้เขา หมายความว่า อย่าพยายามสร้างผลิตภัณฑ์แล้วจึงค่อยไปหา Niche คุณควรหาความต้องการและสนองสิ่งนั้นด้วยเว็บไซต์ของคุณ ก็อย่างที่คุณเห็นความสนใจส่วนตัวของ Abhishek ไม่เหมือนกับของคนทั่วๆ ไป ดังนั้นรายได้จาก AdSense แรกของเขาจึงไม่ได้ผล เขาพยายามเริ่มจากการพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ (หรือเว็บไซต์) แล้วก็ค่อยไปมองหาตลาดมัน ไม่ถูกต้องแน่นอน แทนที่จะค้นหา Niche และทำการตลาดไปหาลูกค้า
Abhishek: ผมไม่ประสบความสำเร็จกับ AdSense ก่อนการใช้ HyperVRE ใช่! ผมไม่เคยประสบความสำเร็จกับ affiliate maketing อื่นๆ เลย และจนถึงปัจจุบัน ผมก็ยังไม่มุ่งไปที่การขายผลิตภัณฑ์ให้กับใคร
ข้างล่างนี้เป็นตารางรายได้จาก AdSense ของผมในช่วง 2 เดือนแรก คุณจะพบว่า ณ เริ่มต้นของเดือนกันยายนเรื่อยมา ผมมีรายได้เฉลี่ย $ 1.41/วัน ของทุก Site
*********
ในเดือนตุลาคมก็ไม่ได้ดีกว่า ค่าเฉลี่ยที่ $ 1.90/วัน คุณจะเริ่มพบว่ามีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากต้นเดือนไปปลายเดือน และเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพฤศจิกายนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผมเริ่มใช้ HyperVRE แล้วเริ่มได้พบศักยภาพของมัน
เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน ผมได้รับค่าตอบแทนงานจาก AdSense มีรายได้เฉลี่ย $ 50.61/วัน และมีรายได้ถึงเดือนละ $ 1500!
เมื่อผมทำรายได้ที่ $ 160/วัน ใน 21 พฤศจิกายน ผมจึงเริ่มเชื่ออย่างสนิทใจว่า HyperVRE กำลังทำงาน ในขณะนั้น ผมก็ไม่ทราบว่ารายได้ของผมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่
ดังนั้น ผมจึงทำและทำซ้ำๆ กับแผนต่อไป และในเดือนที่ 2 ของการใช้ HyperVRE (ธันวาคม) ผมมีรายได้ $ 4,141
ในเดือนมกราคม ผมมีรายได้จาก AdSense อย่างเดียวมากกว่า $ 9,000
โดยเป็น AdSense for Content $ 8,988 AdSense for Search $ 139
ก่อนที่เราจะไปกันต่อ ผมอยากแสดงความเห็นบางอย่าง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมทำโดยไม่คิดให้ดีและอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดี เป็นเพราะว่าผมยังใหม่กับเรื่องนี้และคิดแต่เรื่องการสร้าง Site ให้มากๆ การโฟกัสไปที่แบบแผนที่สั่งสอนกันมา ได้ใช้เวลาของผมไปอย่างมากและผมได้บอกไปแล้วว่าผมเป็นคนขี้เกียจและในตอนต่อไปผมจะชี้ให้เห็นจุดๆ หนึ่งที่ผมรู้สึกและผมกำลังทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม
บททบทวน
- Abhishek เป็นคนที่แอคทีฟกับระบบ eBay แต่ไม่เคยทำ AdSense มาก่อน
- ในเดือนกันยายนเขามีรายได้จาก AdSense เพียง $ 42.44
- เดือนตุลาคมเขามีรายได้เพียง $ 57.32
- ในช่วงปลายเดือนตุลาคมเขาจึงเริ่มใช้ HyperVRE Gold
- เดือนพฤศจิกายนเขามีรายได้จาก AdSense $ 1,518.16
- หลังจากนั้นเดือนธันวาคมเขามีรายได้ $ 4,141.02 หรือ เฉลี่ยวันละ $ 133
- หลังจากใช้ HyperVRE ครบ 3 เดือน คือเดือนมกราคม เขามีรายได้ $ 9,127

HyperVRE Case Study#1

How Abhishek Agarwal made$9,127 Last month in Nothing ButAdSense Commission With AbsolutelyNo Success In The Past!HyperVRE Case Study Report # 1HyperVRE User: Abhishek Agarwal
---------------------------
กรณีศึกษา การใช้งาน HyperVRE
ของ Abhishek Agarwal
--------------------
วิธีการสร้างรายได้ $ 9,129 จาก AdSense ของ Abhishek Agarwal
ด้วยซอฟท์แวร์ HyperVRE Gold
จากคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จมาเลย
(รายได้เดือนล่าสุด)


หมายเหตุ เนื่องจากผมไม่สามารถใส่รูปภาพได้ (ภาพเลือน) ผมจึงขออนุญาตุตัดรูปภาพออกทั้งหมด ขอให้เพื่อนใช้วิธีเทียบกับต้นฉบับภาษาอังกฤษนะครับ
Disclaimer:
ห้ามอ้างสิทธิเป็นเจ้าของและซื้อขาย ท่านได้รับอนุญาตสร้าง Brand เพื่อให้ฟรีหรือเป็นของสมนาคุณไปกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
สำหรับสิ่งที่ผมมีความรู้มากที่สุด ข้อมูลในนี้เป็นเรื่องจริง 100 % และถูกต้องที่ได้รวบรวมได้จากประสบการณ์ของคนๆหนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ Matt Callen และ Abhishek Agarwal จะกุเรื่องขึ้น ด้วยหวังผลในทางที่ไม่ถูกต้อง
Google และ AdSense เป็นเครื่องหมายการค้าเฉพาะของ Google, inc. Matt Callen และ Abhishek Agarwal ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับ Google, inc. และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับ Clickbank.com, Paydotcom, Amazon.com หรือ Yahoo.com
Table of Contentsก่อนที่จะเข้าไปสู่กรณีศึกษา ผมต้องการพูดถึงที่มาของรายงานนี้ Abhishek Agarwal เป็นสมาชิก HyperVRE Gold เมื่อสิงหาคม 2006 แต่เริ่มใช้งาน HyperVRE Gold. เมื่อตุลาคม 2006 ข้อมูลทั้งสิ้นนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้จาก Abhishek Agarwal ซึ่งเขาสามารถสร้างรายได้จาก Google AdSense เดือนละ $9,127 เขาใช้เวลาเท่าไรในการที่มีรายได้มากกว่า $9,000
ไม่นานเลยเขาใช้เวลาเพียง 3 เดือน จากคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จด้วย Google AdSense มาเลย Abhishek Agarwal แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จและมีรายได้จากอินเตอร์เน็ตด้วยการทำ AdSense ผมขอสันนิฐานว่าคุณรู้จัก Google AdSense ว่า คืออะไร ถ้าไม่รู้อ่านข้อควมต่อไปนี้เพื่อให้รู้ว่าคุณสามารถสมัครฟรีและสร้างรายได้จากระบบนี้ https://www.google.com/adsense
Google มีระบบโฆษณาที่เรียกว่า “AdWords ads” บนเว็บไซต์ต่าง (รวมทั้งของคุณ) ภาพข้างล่างนี้เป็น Websites ที่มี Google AdSense ads เมื่อมีผู้มา Click บนโฆษณาดังกล่าว เจ้าของเว็บไซต์จะได้รับส่วนแบ่งจำนวนเล็กน้อยจากที่ Google ได้รับจากผู้โฆษณา
ขณะที่ทำรายงานนี้ Abhishek กำลังมีรายได้เฉลี่ย $300/วัน จาก AdSense อย่างเดียวจากที่ได้พบว่า Abhishek สร้าง Sites มากมายจากการใช้ High-paying AdSense ads. (โฆษณาที่มีค่า Click แพงๆ) ละเมื่อมีคน Click ที่โฆษณาเขาก็ได้รับเงินจาก Google
นั่นคือ เขากำลังสร้าง Sites และกำลังทำเงินด้วย AdSense
ใช่ใช่...ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ จะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่เลย ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
จากกรณีศึกษานี้ พบว่า Abhishek ได้พิสูจน์การก้าวไปอย่างมั่นคง เป็นขั้นเป็นตอน เขาจึงจุดที่มีรายได้สูง ผมได้รับ Email จากที่ไม่คาดหวังมาก่อนจาก Abhishek ซึ่งเต็มไปด้วยความระลึกถึงบุญคุณและความตื่นเต้น เขาเพียงต้องการที่จะบอกว่า Sites ที่เขาสร้างด้วย HyperVRE นั้นสร้างสิ่งดีๆ อะไรให้เขา เขาซื้อ HyperVRE Gold ไปในสิงหาคม 2006 และเขาต้องใช้เวลาพักหนึ่งและเริ่มใช้งานในเดือนตุลาคม หลังจากยินเกี่ยวกับความสำเร็จของเขาจากการใช้ HyperVRE ผมถามเขาว่าเขายินดีที่จะตอบคำถามและบอกถึงวิธีที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้หรือไม่ Abhishek ตอบตกลงโดยไม่ลังเล จึงเป็นที่มาของกรณีศึกษาที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้
ขอให้ตั้งใจศึกษา เพราะแผนการในนี้เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริงของคนๆ หนึ่ง ผู้ที่ประสบความสำเร็จที่น่าทึ่ง
ข้างล่างนี้เป็นคำตอบและข้อแนะนำของ Abhishek ได้จากการสัมภาษณ์ ผมต้องการให้คุณพบเห็นว่าคนๆหนึ่งสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างไรและคุณก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
************
ในกรณีศึกษาฉบับนี้ Abhishek จะนำพาคุณไปยังตัวอย่างของ Sites ที่มีคุณภาพ เหมือนที่ที่เขาสร้างมันขึ้นมาและสร้างรายได้ให้เขาอย่างจริงจัง นอกจากนั้น ผมยังได้เพิ่มคำแนะนำของผมไว้ในรายงานนี้ด้วย ซึ่งจะอยู่ในตารางและภายในกล่องตอนท้ายของบท

Sunday, September 9, 2007

สร้างรายได้จากเว็บหรือบล็อก (ต่อ)

บทที่ 1
เว็บและบล็อกฟรีๆ
สิ่งที่เราควรรู้ ก่อนการสร้างเว็บหรือบล็อก
ก่อนที่เราจะเข้าสู่การสร้างเว็บหรือบล็อก
ความรู้เกี่ยวกับ Keywords
ลองมาศึกษา Google AdSense
ลองมาศึกษา Google AdWords บ้าง
การสร้างเว็บให้ถูกโฉลกกับ Google
ทำความรู้จักโปรแกรมที่เราจะนำมาใส่ในเว็บหรือบล็อกของเรา

ปัจจุบัน ถึงแม้ว่า คุณจะไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีหรือไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์หรือบล็อกเลย หรือไม่มีเงินลงทุนเลย คุณก็สามารถสร้างเว็บไซต์หรือบล็อกได้ เว็บไซต์ที่ผมใช้ฟรีในขณะนี้ ใช้ได้เลย ถ้ายังไม่เก่งหรือชำนาญ ก็อย่าเพิ่งลงทุนมากเลย หรือบล็อกฟรี มีอยู่มากมาย ลองดูข้างล่างนี้ก็แล้วกัน แต่ให้เลือกเฉพาะของฟรีที่ไม่มีโฆษณาแวบๆ หรือมากเกิน เป็นใช้ได้
เว็บและบล็อกฟรีๆ
เว็บฟรี http://www.igetweb.com (ไทย)
บล็อกฟรี http://www.blogger.com ของ Google สนับสนุนภาษาไทย (บางส่วน)
http://www.wordpress.com อันนี้อาจยุ่งยากสักหน่อยและต้องดาวน์โหลดโปรแกรมอีกหลายตัว เหมาะสำหรับผู้ที่มีความชำนาญ รวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับภาษา html พอตัว
www.sanook.com, www.tarade.com, www.oknation.net อีกมากมายครับ
ก่อนหน้านี้ ผมก็ไม่มีความรู้ในการเขียนเว็บด้วยภาษาคอมพิวเตอร์เลย แต่บล็อกและเว็บของผมก็อยู่ในหน้าแรกของ Google.go.th ลองค้นหาด้วยคำค้นหา “ชุมชนออนไลน์ Agloco” “สหกรณ์ชุมชนออนไลน์” คุณจะพบ http://agloco.igetweb.com และ http://biz-agloco.blogspot.com
ในส่วนที่เกี่ยวกับ การสร้างเว็บหรือบล็อกนั้น ผมขอข้ามไปเลย เพราะ การสร้างเว็บหรือบล็อกนั้น ง่ายมากๆ โดยเฉพาะการใช้เว็บสำเร็จรูป ไม่ต้องมีความรู้การเขียนเว็บอะไรเลย
สิ่งที่เราควรรู้ ก่อนการสร้างเว็บหรือบล็อก ได้แก่
1. ความรู้เกี่ยวกับ Keywords โดยผมจะใช้ กรณีศึกษาของ Google เป็นหลัก
2. ความรู้เกี่ยวกับ Search Engine Optimization (SEO)
ก่อนที่เราจะเข้าสู่การสร้างเว็บหรือบล็อก
เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้จัก ความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการสร้างเว็บหรือบล็อก (ไม่เกี่ยวกับการเขียนในภาษาคอมพิวเตอร์) ได้แก่ คำหลักหรือ Keywords สำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกของเรา ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการค้นหาเว็บหรือบล็อกของเรา โดย Search Engine
ความรู้เกี่ยวกับ Keywords
Keywords สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ
แบบที่ 1 แบ่งตามประเภทของ Keywords ได้แก่
1.1 keywords ทั่วไป ได้แก่ คำคำเดียว หรือ มากกว่า ที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆกำกับ เช่น Nokia,Thailand, best car การประมวลผลการค้นหาของ Google จะประมวลเป็นคำๆแยกกัน เป็นการค้นหาที่สะเปะสะปะมากๆ เราจึงควรหลีกเลี่ยงคำทั่วไปสำหรับใช้เป็น Keywords ของเรา
1.2 Keywords แบบเรียง (Keywords Phase) เช่น "best car" หรือ "Buy used car" การประมวลผลการค้นหาของ Google จะประมวลทั้ง 2 คำ รวมกัน เป็น keyword ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น เป็น Keywords ที่มีประโยชน์
1.3 Keywords แบบเฉพาะเจาะจง ได้แก่ [best car], [buy used car] คือ ถ้ามีผู้ค้นหาด้วยคำว่า best car หรือ buy used car Google จะค้นหาเฉพาะเจาะจงด้วยคำๆนั้นเท่านั้น เหมาะสำหรับ keywords ที่มีการแข่งขันสูงๆ
แบบที่ 2 แบ่งตามจุดมุ่งหมายของผู้ค้นหา ได้แก่
2.1 Keywords ที่ผู้ค้นหาต้องการสืบหาข้อมูลคร่าว จึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการใช้เป็น Keywords เช่น ผู้ค้นหาต้องการหาข้อมูลทั่วๆไปของประเทศไทย โดยเฉพาะนักการศึกษา เขามักจะใช้ Thailand
2.2 Keyword ที่ผู้ค้นหาต้องการความเฉพาะเจาะจง แต่ยังไม่แสดงเจตนาที่แท้จริง เช่น Hotel in Phuket ผู้ค้นหามีความประสงค์จะทราบรายละเอียดมากขึ้น Keywords ประเภทนี้จึงมีประโยชน์ในการใช้เป็น Keywords
2.3 Keywords ที่แสดงเจตนา เช่น buy used car จะเห็นว่า ผู้ค้นหาต้องการซื้อ..จึงเป็น keywords ที่มีประโยชน์มากๆ
ทำไมต้องมีความรู้เรื่อง Keywords
ลองมาศึกษา Google AdSense

ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราจะนำมาเป็นต้นแบบของการหารายได้ทางอินเตอร์เน็ตกันดู
Google AdSense มีความสัมพันธ์กับ Google AdWords อย่างแนบแน่น ผู้ที่จะทำ Google AdSense (ในที่นี้ก็ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมกำลังแนะนำวิธีสร้างรายได้จากเว็บหรือบล็อก วิธีหนึ่ง) ต้องมีความเข้าใจหลักการของ Google AdWords พอสมควร โดยเฉพาะการเลือก Keywords สำหรับใช้เป็นคำหลักของเว็บไซต์ของเรา แล้วเราก็จะรู้ว่า เราควรจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับอะไรดี ที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด และให้ผลดีกับเว็บหรือบล็อกของเราในการโปรโมทเว็บ (SEO)
Google AdSense เป็น Contextual Ads. ของ Google โดย Google จะนำโฆษณามาใส่ในเว็บไซต์ของสมาชิก (ที่เรากำลังจะสร้างเว็บหรือบล็อกกันอยู่นี่ละครับ) จริงๆแล้ว โฆษณาพวกนี้ ส่วนใหญ่มาจาก Google AdWords นั่นแหละ การทำ Google AdSense นั้นเจ้าของเว็บไซต์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆให้กับ Google เว็บไซต์จะอยู่ในกลุ่มพันธมิตรของ Google และได้รับส่วนแบ่งจาก Google (เป็นแหล่งรายได้มหาศาลของ Google) ทั้งนี้ Google มีหลักเกณฑ์ กฎ กติกาที่ชัดเจน รวมทั้งข้อห้ามด้วย เจ้าของเว็บไซต์จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการทำ Google AdSense หลายทาง เช่น การปรากฏของโฆษณาของ Google ในเว็บไซต์ (Impression) จากการคลิกเข้าไปดูโฆษณา (ของลูกค้านะ ไม่ใช่เจ้าของเว็บเด็ดขาด) ปัญหาสำคัญ อยู่ที่เราจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในระดับแนวหน้าของ search engine ยักษ์ใหญ่ อย่าง Google, Msn, Aol หรือ Yahoo ที่นี้คุณลองค้นหาอะไรก็ได้ใน Google แล้วดูว่า ผลของการค้นหา มีจำนวนเท่าไร อาจเป็น 10 ล้านเว็บก็ได้ และก็เป็นธรรมดา ที่เรามักจะเข้าไปดูเว็บไซต์ที่ปรากฏในหน้าแรกเท่านั้น จริงไหมเอ่ย
แล้วเราจะทำอย่างไร ให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรกให้ได้ เราจำเป็นต้องทำ Search engine optimization การทำ Search engine optimization จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Keywords แล้วละ เพราะ Keywords ที่คนใช้ค้นหา คือ keywords ไหน มีการแข่งขันสูงหรือไม่ วัตถุประสงค์ของผู้ค้นหา สัมพันธ์กับ Keywords นั้นๆอย่างไร (ความเฉพาะเจาะจง บางคนค้นหาเพื่อรู้ บางคนค้นหาเพื่อตกลงใจซื้อสินค้าหรือบริการ Keywords จะแตกต่างกัน) Keywords ไหนที่เราควรใช้เพราะตรงกับเนื้อหาของเว็บไซต์เราและเรามีโอกาสเป็นที่ 1-3 ของหน้าแรกของ Search Engine และ Search Engine แต่ละตัว มีหลักการประมวลผลจากคำค้นหาอย่างไร เราจะยังไม่กล่าวถึง
ลองมาศึกษา Google AdWords บ้าง
เป็นโปรแกรมของ Google โดย Google ได้พัฒนา Google AdWords ให้เป็นผลดีต่อ Google อย่างมากมายและเป็นที่มาของรายได้ของ Advertisers ทั้งหลาย รวมทั้งคุณตราวุทธิ์ ด้วย Google AdWords มีกฎ กติกา สำหรับการโฆษณาใน Google และพันธมิตรของ Google
Google AdWords มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ Google AdSense คนที่จะทำ Google AdSense จึงต้องมีความเข้าใจหลักการของ Google AdWords ด้วย
ถ้าคุณต้องการค้นหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งใน Google คุณต้องใส่ คำค้นหา ลงในช่องค้นหา “คำ” ที่คุณพิมพ์ใส่ไป เราเรียกว่า Keyword จากนั้น ระบบของ Google จะประมวลผลจาก Keyword นั้น แล้วแสดงผลการค้นหาที่หน้าจอ ผลที่แสดงจะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ พื้นที่ส่วนใหญ่ที่แสดงเว็บไซต์ที่สัมพันธ์กับ Keyword (ที่ที่พวกเราต้องการไปยืนอยู่ไงละครับ) และพื้นที่โฆษณาที่อยู่ขวามือของเรา มีคำว่า Ad. By Google หรือ โฆษณาโดย Google โฆษณาที่ปรากฏเป็นโฆษณาจากการใช้ระบบ Google AdWords
ภาพโดยรวม คือ เจ้าของสินค้าหรือบริการต้องการโฆษณาสินค้าหรือบริการของตนจึงว่าจ้างคนกลาง (Affiliate Network Providers หรือ Affiliate Network) ให้คนกลางหาผู้รับทำโฆษณา (Advertisers) ผู้รับทำโฆษณา แต่งคำโฆษณาและนำไปโฆษณาด้วย Google AdWords ในเว็บ Google.com และพันธมิตรของ Google
(ขวามือของเรา) โดย Advertisers ทำ Google AdWords นั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายให้กับ Google และได้รับค่าจ้างจาก Affiliate Network ผู้ที่เป็น Advertisers จะใช้บริการ Google AdWords ได้ ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับ Google โดยใช้ Gmail (E-mail ของ Google) และต้องทราบกฎ กติกา ยอมรับเงื่อนไขและมีบัตรเครดิต เพื่อชำระค่าใช้จ่ายให้ Google เรื่อง ค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ไหม ขึ้นกับ ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถและจินตนาการครับ ในต่างประเทศมีคนทำกันมากมายที่มีรายได้ 5 หลักต่อวัน (USD ครับ) ในเมืองไทยก็มีครับที่ถือว่า เชี่ยวชาญ เช่น คุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้เขียน Google Make Me Rich
แล้วเราๆจะทำ Google AdWords ได้ไหม ได้ครับและง่ายมาก (แต่ทำแล้วได้ขาดทุนหรือกำไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) คุณต้องมีพื้นฐานตามบทนำที่ผมกล่าวไปแล้ว
หวังว่าเพื่อนๆ คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่า ทำไมผมถึงต้องพูดถึง Keywords, Google AdSense และ Google AdWords ก่อนที่จะแนะนำแหล่งรายได้ของเว็บไซต์หรือบล็อก
การสร้างเว็บให้ถูกโฉลกกับ Google
การสร้าง blog หรือ web เราก็ต้องการให้ blog หรือ web ของเรามีคนเข้ามาดูมากๆ โดยเฉพาะ Google เราจะทำอย่างไรดี มีหลักการง่ายๆ ดังนี้
1. เราคิดว่า เราจะสร้างเว็บเรื่องอะไร ที่เราถนัดหรือมีความรู้ ถ้าจะสร้างเว็บเพื่อสร้างรายได้จาก google AdSense มีปัจจัย 2 อย่าง ที่ต้องพิจารณา
1.1 เขียนเว็บหรือบล็อกเป็นภาษาอังกฤษ ต้องยอมรับว่า ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่แพร่หลาย ทำให้มีลูกค้าจากทั่วโลก (คนไทยน้อยมากที่ซื้อสินค้าหรือบริการทางอินเตอร์เน็ต เว้น การจองตัวเครื่องบินกับจองโรงแรม) ความจริงไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษก็เขียนได้
1.2 เขียนเว็บหรือบล็อกเป็นภาษาไทย ถ้าถามผมว่า ดีไหม ผมว่าดีมากกว่าเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว มากๆ ตัวผมเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะมีระบบสนับสนุนอะไรมาช่วยในการสร้างรายได้จากเว็บภาษาไทย ตอนนี้มีจำพวกการท่องเที่ยว โรงแรมและการเช่ารถเข้ามาแล้ว ในอนาคต น่าจะมีมากขึ้น ในอัตราเร่ง
2. "Keywords" Keywords ก็คือ คำหลักที่เราคิดว่า "ผู้ที่ค้นหาข้อมูลใน search engine จะพิมพ์ลงไปใน search box เราจะต้องคัดสรรและชั่งน้ำหนักก่อน ระหว่าง การใช้บ่อย หรือ ความเฉพาะเจาะจง (มีคนค้นหาไม่น้อยเกินไป มี Webที่ใช้ Keywords นี้ยังไม่มาก และเราแข่งขันได้)เช่น "Nokia" มีคนใช้มากมาย เราคงแข่งไม่ไหว แต่ถ้าเป็น "Buy used Nokia" ถึงจะมีคนใช้ค้นหาน้อย แต่เราสามารถแข่งขันได้ ผมใช้ "-" มีเหตุผล ให้ดูเรื่อง Keywords ลองสมมติว่า เราเป็นผู้ค้นหาข้อมูล เราจะพิมพ์คำค้นหา คำไหน
3. การเขียนรายละเอียด เพื่อลงในเว็บไซต์ ให้เขียนบทความจาก "KeyWords หลัก" ที่เราเลือกไว้ ถ้าไม่ถนัดนัก ก็ไปคัดมาจากเว็บที่มี Rank ดีๆ ใน Google แต่ขอให้ปรับแต่งหรืออ้างอิงด้วย เพื่อให้เกียรติกับเจ้าของบทความด้วย โดยสร้างบทความที่มีสัดส่วนของ Keywords ใน เนื้อหา ควรอยู่ที่ ร้อยละ 5-7 คือ ถ้าทั้งบทความเรามี 100 คำ ควรจะมี Keywords ประมาณ 5-7 คำ (ถ้าน้อยกว่า 3 Googlebot แทบไม่มองเลย)
4. ความสัมพันธ์ระหว่าง Keywords กับ เนื้อหา ต้องสัมพันธ์กัน ฉะนั้น เพื่อให้ง่าย เราควรจะคิดและหา Keywords ก่อน แล้วจึงมาสร้างเป็นเนื้อหา
5. โครงสร้างเว็บ จะต้องเป็นแบบง่ายๆ ให้ดูเว็บไซต์ Google เป็นตัวอย่าง และไม่ควรมีกรอบครอบเนื้อหา รวมทั้งการมี flash นั้น เป็นผลเสียกับเว็บไซต์
6. รูปภาพในเว็บจะต้องกำหนดชื่อให้สัมพันธ์กับ Keywords และต้องไม่มากจนทำให้เว็บช้า
7. Link ภายในเว็บให้สัมพันธ์กันไว้ และทำงานทุกอัน

ทำความรู้จักโปรแกรมที่เราจะนำมาใส่ในเว็บหรือบล็อกของเรา
Affiliate Marketing และ Contextual Advertising
เนื่องจากในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น มีค่าโฆษณาที่ถูกที่สุดและสามารถเข้าถึงคนได้ทั่วโลก ในที่ที่มีคอมพิวเตอร์ออนไลน์และรวมทั้งโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นจึงมีผู้ที่ต้องการโฆษณาเพื่อขายสินค้าหรือบริการมากมาย ทำให้เกิด บริษัทตัวกลางที่เราเรียกว่า Affiliate Network Providers หรือเรียกสั้นว่า Affiliate Network ที่ทำตัวเป็น ศูนย์รวบรวมผู้โฆษณาไว้ และสร้าง Affiliate Program ขึ้น สำหรับให้ ใครที่ต้องการจะเป็นผู้โฆษณา (Advertisers) หรือผู้ที่มีเว็บไซต์ที่ต้องการนำสินค้าหรือบริการมาไว้ในเว็บไซต์ (Publishers) โดยได้รับค่าคอมมิชชั่นหรือ Transaction Earning จากผู้ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของตน ศูนย์นี้จะรับผิดชอบทุกอย่างในด้านการเงินให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ที่ยิ่งใหญ่ ก็ เช่น Clickbank (ส่วนใหญ่เป็น สินค้าที่จับต้องไม่ได้ เช่น Software และ e-Book) Commission Junction หรือ cj.com (มีสินค้ามากมาย) การโฆษณาจาก Affiliate Marketing จะพบได้ในรูปของ Contextual Ads. ของ Search Engine เช่น Google ที่เราเห็นอยู่ด้านขวามือของเรา และมีข้อความว่า Ads. By Gooooogle ผู้ที่มีเว็บไซต์หรือบล็อกสามารถนำ Code มาติดในเว็บไซต์ของตนเอง โดย Googleจะนำโฆษณาที่สอดคล้องกับข้อมูลในเว็บไซต์นั้นๆมาให้โดยอัตโนมัติ
นอกจาก Contextual Ads แล้ว เจ้าของเว็บไซต์สามารถนำ Link ที่เป็น Banners (มีรูปประกอบ) หรือแทรก Link ไว้ในเนื้อหา (Text Link) เช่น Link จาก Keywords ในหน้าเว็บไซต์ที่เจ้าของเว็บกำหนดไว้ก็ได้
อย่างไรก็ตาม เราต้องศึกษาข้อตกลงของแต่ละ Affiliate Network ด้วย
นอกจากนั้น ยังมีเว็บไซต์ที่ทำตัวเป็น Affiliate Network ไปในตัวเอง เช่น eBay.com และ Amazon.com โดยเราสามารถติดต่อโดยตรงกับเว็บไซต์เหล่านั้นโดยไม่ต้องผ่าน Affiliate Network ใดๆ เลย
ผมหลบจากการลงทุนมาก มาใช้การลงทุนน้อยๆกับ Google AdSense การทำ Google AdSense นั้นในระยะเริ่มแรก คุณอาจจะไม่ต้องลงทุนใดๆเลย นอกจากคอมพิวเตอร์ออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว เพราะคุณยังไม่มีความชำนาญในหลายๆอย่าง จึงยังไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไร
ผมไม่ได้หวังรายได้จริงๆจังนัก เพราะผมทราบดีจากการทำ Google AdWords ว่า ผมยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย ลองกลับไปดู Profile ของผม จะพบว่า ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เลย นอกจาก เป็น Users) ประกอบกับในสมัยเมื่อ 3-4 ปี ที่แล้ว Google ยังไม่มีระบบสนับสนุนภาษาไทย ผมจึงทำเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ เน้นลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะจริงๆแล้ว จะมีคนไทยสักกี่คน ที่ซื้อขายด้วยระบบออนไลน์ แม้กระทั่งปัจจุบันก็ตาม เว้น การจองเที่ยวบินและการจองโรงแรม
ในปัจจุบัน คุณสามารถใช้ Google AdSense กับภาษาไทยได้แล้ว และข่าวดีก็คือ ในเมืองไทยเองก็มีการจ้างโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยเฉาะการท่องเที่ยวและโรงแรม
คุณสามารถเป็นสมาชิกของ Affiliate Network ในเมืองไทย ทั้งที่เป็นของไทยแท้และเป็นหน่วยย่อยของต่างประเทศ
ในอนาคต คาดว่า จะมีมากกว่านี้แน่นอน ต้องขอขอบคุณ พวกเรากลุ่มแรกๆที่ช่วยกันสร้างและบุกเบิกงาน Advertising และ Publishing จน Google และ Yahoo ต้องสร้างระบบสนับสนุนภาษาไทย จนกระทั่งมี Affiliate Network Providers และเว็บขายสินค้าและบริการ ต้องมีพันธมิตรในไทย
ถ้าเพื่อนๆ ยังพอจดจำความขมขื่น ที่โรงแรมหรูและตามชายทะเลหลายๆแห่ง ไม่ยินดีต้อนรับคนไทยหรือต้อนรับเสียมิได้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนไป
เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ผมจองโรงแรมในหัวหิน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดย Agency จากต่างประเทศ
โรงแรมดังกล่าว เมื่อรู้ว่าผมเป็นคนไทย ได้โทรปฏิเสธการจองของผม “ไม่รับจองจากคนไทย” ผมก็เลยจำเป็นต้องด่าเช็ด (หนูเอย อย่าโกรธอาเลย อาด่าหนูก็เพราะหนูก็เป็นคนไทย ไฉนหยามเหยียดคนไทยด้วยกัน)

Monday, September 3, 2007

วิธีสร้างรายได้จากเว็บหรือบล็อก

ระยะแรกๆของการสร้างรายได้จากอินเตอร์เน็ตนั้น ผมเองก็พบเจอปัญหามากมาย จับต้นชนปลายยุ่งกันไปหมด ที่สำคัญ ไม่รู้ว่าจะไปหา Affiliate Network Providers และ Contextual Ads. จากที่ไหน
ทำ Auto Surf คือ คลิกโฆษณาที่มากับ email ของเราที่เราสมัครเป็นสมาชิก ก็ไม่มี Auto Surf อันไหนจากเงินจริงๆเลย (แม้แต่เว็บเดียว)
ผมทำ Pay-Per-Click ของ Google ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ Google AdWords สำหรับเมืองไทย ณ ปัจจุบัน ก็ต้องยกให้ คุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้เขียนหนังสือ “Google Make Me Rich” ระบบ Pay-Per-Click ของ Google เราไม่ต้องมีเว็บเป็นของตนเอง เป็นผู้โฆษณา(Advertiser) ในเว็บไซต์ของ Google และเว็บไซต์พันธมิตรของ Google
เงินลงทุน เราจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนเข้ามา Click ที่โฆษณาของเรา อัตราค่าใช้จ่ายขึ้นกับราคาประมูล Keywords ที่เราใช้ในการโฆษณา ซึ่งต้องแข่งขันกับ Advertisers คนอื่นๆ เพื่อให้โฆษณาของเราอยู่ในอันดับดีๆ และเราจะมีรายได้จากการที่มีคนมาซื้อสินค้าหรือบริการจากโฆษณาของเรา
ผู้สนใจสามารถเข้าไปศึกษาและเข้าคอร์สได้โดยตรงกับ คุณตราวุทธิ์
แต่ คุณควรจะมีคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการทำ Google AdWords ได้แก่
1. ภาษาอังกฤษในระดับดี เพราะ Tools ต่างๆ และกลยุทธ์ รวมทั้งข้อตกลงอื่นๆ เป็นภาษอังกฤษ
2. มีความเข้าใจในพฤติกรรมของชาวต่างชาติบ้าง เพราะคุณจำเป็นต้องรู้จักวัตถุประสงค์ของคำค้นหา “Keyword” ที่ชาวต่างชาติต้องการจริงๆ
3. มีความตั้งใจจริง มี Vision เพราะ Idea Make Money
4. มีทุนสำรองหรือยอมขาดทุนได้เดือนละเท่าไร เพราะในระยะแรกๆ คุณยังไม่เก่งพอแน่นอน
5. เป็นคนสุขุม รอบคอบ
6. ต้องเข้าคอร์สกับคุณตราวุทธิ์
สรุป เพราะความเป็นคนใจเร็ว ไม่รอบคอบ เพียงเพราะ “ผมแบ่งแยกความรู้สึกไม่เป็น ถ้าใช้ Keyword นี้ ในแง่ของผู้โฆษณา ทำได้สบายมาก แต่ในด้านความรู้สึกและเป้าหมายของการค้นหาของเขา คือ อะไร ผมตอบในตอนนั้นไม่ได้ ไม่ใส่ใจ)”
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการศึกษาและสร้างรายได้อย่างจริงจังจาก Google AdWords ผมแนะนำให้เข้าคอร์สกับคุณตราวุทธิ์ (ไม่ได้เปอร์เซนต์)แล้วทำไมยุจัง ก็ มีใครบ้างที่ทำได้และรู้จริงมากกว่านี้อีกละ
ปัจจุบันนี้ Google มีระบบสนับสนุนภาษาไทยแล้วครับ
ผมได้เขียนบทความเป็นตอนๆ เฉพาะ Contextual Marketing และ Affiliate Marketing ที่เราๆ
นำมาใช้เพื่อสร้างรายได้จากเว็บหรือ Blog ของเรา ใน http://agloco.igetweb.com

Tuesday, August 28, 2007

การสร้างบทความ

Chapter 3 (continue)
Creating Content – Profreading
1
.English is Not My First Language

ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาที่หนึ่งของ John Chow เขาแทบจะสอบไม่ผ่านภาษาอังกฤษในระดับ
โรงเรียนด้วยซ้ำ ถ้าอาจารย์ของเขารู้ คงจะช็อก เมื่อรู้ว่า John Chow หาเลี้ยงชีพจากการเขียนหนังสือ มีคนเก่งภาษาอังกฤษกว่าเขามากมาย มีแต่เขา ที่หารายได้จากการเขียนภาษาอังกฤษ
2.My Proofing Steps
John Chow ชอบใช้ Firefox สำหรับการเขียนโพส เพราะว่า Firefox ช่วยเขาตรวจแก้คำสะกด
และเขายัง copy มาลงใน MS Word เพื่อเช็คคำและไวยากรณ์อีกครั้ง เขายังชอบที่จะ save และ แก้ไขใน Wordpress และ Preview ก่อนที่จะเผยแพร่ (ใน Wordpress มี Preview เหมาะสำหรับการดูการแสดงผลและรูปแบบ และ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เขียนโดยใช้ภาษา html ) John Chow จะอ่านและตรวจทาน 3-6 ครั้ง ก่อนที่จะใช้ MS Word เช็คคำและ grammar
John Chow ให้ความสนใจกับความต่อเนื่องของบทความ การกระโดดไปมาจะทำให้ยากต่อการติดตาม
3.Correcting Mistake after an Article is Live
เมื่อคุณพบว่ามีข้อผิดพลาดจากการโพส ให้จัดการในทันที อย่าเบื่อหน่ายถ้ามีผู้ Comment คุณ
เพราะเขาเหล่านั้นพยายามที่จะช่วยคุณ ทำให้ถูกต้องและขอบคุณเขาเหล่านั้น
John Chow พิสูจน์แล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องเก่งกล้าในภาษาอังกฤษ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ที่คุณต้องมี คือ การเขียนที่ดีและบอกประเด็นให้ตรงกับที่คุณต้องการ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ

Five Things To Do When You Have Nothing To Blog About
1. Check the comment
เมื่อ John Chow ว่างจากการเขียน Blog เขาจะไปอ่านใน comment ใน Blog ของเขา ซึ่งเขาสามารถหา Idea ที่จะเขียนได้จาก Comment เหล่านั้น
2. Check Out Other Blogs in Your Community
มี Blog อยู่มากกว่า 60 ล้าน Blogs จะต้องมีบ้างที่คุณจะได้สิ่งดีๆ ที่คุณสามารถสร้าง Ideaนำมาเขียนได้ คุณสามารถสร้าง Idea ดีๆ จาก Blogs ที่พูดเรื่องที่เกี่ยวกับหรือคล้ายกับเรื่องที่คุณเขียนหรือไปดูว่า ผู้ที่เข้ามา comment คุณมี Site อยู่หรือไม่ ถ้ามีเขามีความคิดดีๆอะไร เป็นธรรมดา Bloggers ทุกคนต้องการโพสเรื่อง hot ให้เร็วที่สุด มีอะไรที่เขาข้ามไป ทั้งๆที่มีคุณค่า เนื่องจากความรีบร้อนที่จะโพส คุณสามารถจับ Topic นั้นสร้างรายละเอียดที่สมบูรณ์ได้
3. Look In Your Archives
ถ้าโพสของคุณครบถ้วนและเหมาะสมแล้ว ให้คุณลองไปดูโพสเก่าของคุณ ว่าสามารถนำมา Update และโพสใหม่ได้หรือไม่ หรือเปลี่ยนวันที่โพสก็ได้
4. Look At YouTube
ถ้าทุกอย่างที่ทำมาแล้วล้มเหลว คุณลองเข้าไปที่ YouTube หรือ Site ที่มี Video Sharing ค้นหาอันที่น่าขบขันหรือที่สร้างความน่าสนใจแล้วคุณก็โพส ความคิดเห็นของคุณไป

Chapter 4 Must Have Wordpress Stuff
Wordpress เป็น Blog ที่มี software ที่ดีและมี Plugins หลายตัวไว้ใช้งาน เป็น Software ที่ดีที่สุดในการสร้างบล็อก เท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
1. Akismet Comment Spam Killer
Plugin ตัวนี้ จะมาพร้อมกับ Wordpress ในตอนติดตั้ง เป็น Plugin ที่ใช้ในการกำจัด Comment Spam การติดตั้งให้เข้าไปที่ Wordpress Control Panel เข้าไปที่ Plugin Section และคลิก Activate การจะใช้ Software นี้ เราต้องมี API Key ซึ่งเราจะได้รับตอนสมัคร Wordpress
2. Subscribe to Comment 2.0
บอกรับการเป็นสมาชิก Comment 2.0 และ Add a “Notify Me of Followup Comment via E-mail” และใส่เครื่องหมายยอมรับ เมื่อมีคนเข้ามา Comment ใน Blog ระบบจะส่ง E-mail มาเตือน ติดตั้ง Comment 2.0
3. Show Top Commentators
Plugin ตัวนี้ จะแสดงสถิติการ Comment จึงเป็นการให้รางวัลกับผู้ที่เข้ามา Comment หลังจาก John Chow ติดตั้ง Show Top Commentators ทำให้ Blog ของเขามีจำนวนผู้เข้ามาสูงขึ้น ติดตั้ง Show Top Commentators หรือต้องการดูรายละเอียด
4. Brain’s Threaded Comments
Plugin ตัวนี้เพิ่ม “Reply to this Comment” ดังนั้นเมื่อคุณ คลิกที่ Reply Link จะปรากฏขึ้น ทำให้เราไม่ต้อง Scroll Down
5. Sidebar Widget
Sidebar Widget เป็น 1 ใน Plugin ที่ดีที่สุดสำหรับ Wordpress สำหรับใช้ในการสร้าง Sidebar ทำให้เราไม่ต้องแก้ไข PHP คุณเพียง Drag และวางหัวข้อลงใน Sidebar แต่ Wordpress Theme ของคุณต้องรองรับ Sidebar Widget ด้วย
6. Executable PHP widget
Plugin ตัวนี้ใช้สำหรับการ Run PHP Code ใน Sidebar Widget เหมาะสำหรับการใช้โปรแกรม Ads Network ของ Text Link Ads ที่ต้องติดตั้ง PHP
7. Recent Comments
เป็น Plugin ที่แสดง Recent Comment ช่วยให้ง่ายในการดู Blog Page View
8. Digg This
Plugin ตัวนี้จะใช้สำหรับการตรวจสอบ Incoming Links ของ Digg.com และการ Link ไปยังเจ้าของ Comment และจำนวนของผู้ที่เข้ามาใน Site นั้น ติดตั้ง Digg
9. Adsense Deluxe
Plugin ตัวนี้ใช้รองรับ Google AdSense สิ่งที่น่าสนใจ คือ การจำกัดจำนวน Google AdSense ไส้ไมเกิน 3 ตามที่ Google กำหนด Sign Up
10. Text Link Ads v2
Plugin รองรับ Text Link Ads Ads คุณต้อง Sign up และได้รับอนุญาตเป็น Text Link Ads Publisher ก่อน TLAds เป็น Plugin ที่สร้างรายได้จำนวนมากให้กับ John Chow
Plugin ของ Wordpress เพื่อนๆสามารถ Download ได้จาก เว็บคนไทยแปลให้เรียบร้อย ดีมากๆ ครับ

Stand Out From The Crowd With A Favicon
Blogs ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ Favicon.ico file และจบลงด้วยการ Default แทน Favicon.ico file เป็นหนทางหนึ่งในการทำให้ Blog ของคุณ อยู่ใน Bookmarks คือ การสร้าง Custom icon วิธีสร้างนั้น ให้คุณสร้างภาพที่เกี่ยวกับ Site ของคุณเป็น GIF หรือ PNG ขนาด 16 x 16 Pixels แล้ว Save as เป็น Favicon.ico file แล้ว Upload เข้าไปใน Site’s Root Folder และใส่ Code ระหว่าง Head Tags
แล้วเปลี่ยน URL เป็น URL ของคุณ ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่คนเข้ามาใน Blog ของคุณ เขาจะเห็น Icon ของคุณ ถัดจาก Address Line และ Icon นี้จะโชว์ใน Bookmark ของผู้เข้ามาเยี่ยมชม ฉะนั้น ถึงแม้ว่าเขาคนนั้นจะมี รายการมากมายใน Bookmark ของเขา แต่ของคุณเด่นกว่าคนอื่นๆ
Time Stamping Your Posts
การโพส โดยทั่วไปจะเกิดเมื่อเรา คลิก Publish แต่การติดตั้ง Time Stamping Your Posts นั้น เราจะใส่ข้อมูลไว้และตั้งเวลาให้โพสตามเวลาที่เรากำหนด
วิธีใช้งาน
1. เขียนบทความที่ต้องการโพส แต่ยังไม่ Publish
2.ตั้งเวลาใน Time Stamping Your Posts
3.คลิก Publish
ตั้งแต่ John Chow ได้ติดตั้ง Plugin ตัวนี้ ทำให้ John Chow สามารถโพสได้มากถึง 5 ครั้งต่อ
วัน โดยการจัดคิวของบทความไว้ล่วงหน้า
Using SEO Friendly URLs For Better Search Engine
Wordpress ตามปกติจะเป็น Dynamic URL คือ เรียงลำดับโพสเป็นหมายเลข เช่น www.johnchow.com/?p=1508 ที่ Googlebot มองไม่ออกว่าบทความนั้นคืออะไร ต่างจาก www.johnchow.com/new-ad-network-auctionad/ ซึ่งทำให้ Blogs ของ John Chow อยู่ในอันดับดีๆของ Google
การสร้าง SEO Friendly URL ใน Wordpress ไปที่ wordpress control Panel เลือก Permalinks ใน Permalink มี Choice ให้เลือก 4 ข้อ คือ Default, Date and Name Base, Numeric และ Custom คุณควรเลือก Date and Name Base หรือ Custom เพราะเป็น Most Search Engine Friendly สำหรับ John Chow เลือก Custom เพราะ URL แสดงชื่อ Domain Name และ ชื่อ ผู้โพส (เพราะเขาขายความเป็น John Chow)
Setting The Preferenced Domain
โดยทั่วไป เว็บมี Address เป็น www และ ไม่มี www เวลา Search Engine ชี้ไปที่ ชื่อเฉพาะ เช่น Johnchow นั้น Search Engine จะมองแยกกัน โดยเฉพาะ Google เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เราควรแก้ไขปัญหานี้ โดยการตั้งคำสั่งเพื่อบอก Search Engine
วิธี เข้าไปใน Google Webmaster Tools และตั้ง Address ใหม่ โดยเลือก Domain เพียงอันเดียว
Adding a 301 Redirect
หลังจากคุณ set Preferenced Domain แล้ว คุณควรบังคับให้ทุกๆคนใช้ Domain นี้ ด้วย a 301 Redirect วิธีการ ให้สร้าง .htaccess file หรือ แก้ไขจาก code ของ John Chow
RewriteEngine on
RewriteCond%{HTTP_HOST} !^(.*)\.johnchow\.com$[NC]
RewriteRule^(.*)$http://www.johnchow.com/$1 [R=301,L]
หมายเหตุ .htaccess file สนับสนุนเฉพาะใน Linux servers with Apache Mod-Rewrite module

Sunday, August 26, 2007

Make Money online With John Chow dot Com

Chapter 3 continue
Creating Content – Profreading
1. English is Not My First Language
ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาที่หนึ่งของ John Chow เขาแทบจะสอบไม่ผ่านภาษาอังกฤษในระดับโรงเรียนด้วยซ้ำ ถ้าอาจารย์ของเขารู้ คงจะช็อก เมื่อรู้ว่า John Chow หาเลี้ยงชีพจากการเขียนหนังสือ มีคนเก่งภาษาอังกฤษกว่าเขามากมาย มีแต่เขา ที่หารายได้จากการเขียนภาษาอังกฤษ
2. My Proofing Steps
John Chow ชอบใช้ Firefox สำหรับการเขียนโพส เพราะว่า Firefox ช่วยเขาตรวจแก้คำสะกด อย่างไรก็ตาม เขายัง copy มาลงใน MS Word เพื่อเช็คคำและไวยากรณ์อีกครั้ง เขายังชอบที่จะ save และ แก้ไขใน Wordpress และ Preview ก่อนที่จะเผยแพร่ (ใน Wordpress มี Preview เหมาะสำหรับการดูการแสดงผลและรูปแบบ และ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เขียนโดยใช้ภาษา html ) John Chow จะอ่านและตรวจทาน 3-6 ครั้ง ก่อนที่จะใช้ MS Word เช็คคำและ grammar John Chow ให้ความสนใจกับความต่อเนื่องของบทความ การกระโดดไปมาจะทำให้ยากต่อการติดตาม
3. orrecting Mistake after an Article is Live
เมื่อคุณพบว่ามีข้อผิดพลาดจากการโพส ให้จัดการในทันที อย่าเบื่อหน่ายถ้ามีผู้ Comment คุณ เพราะเขาเหล่านั้นพยายามที่จะช่วยคุณ ทำให้ถูกต้องและขอบคุณเขาเหล่านั้นJohn Chow พิสูจน์แล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องเก่งกล้าในภาษาอังกฤษ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ที่คุณต้องมี คือ การเขียนที่ดีและบอกประเด็นให้ตรงกับที่คุณต้องการ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ

Thursday, August 23, 2007

Successful Bloggers

Chapter 3 continue
The Seven Habits of Highly Successful Bloggers
1. They Blog on a Consistent Basis
Successful Bloggers จะมีนิสัยของความสม่ำเสมอของการโพส ถ้าคุณเป็น New Blogger คุณควรจะตั้งเป้าหมายที่จะโพสอย่างสม่ำเสมอ เป็นการดีกว่าที่คุณจะโพสอย่างสม่ำเสมอ 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และสร้างความสม่ำเสมอของการโพส ที่คุณพอใจ
2. They Are Passionate About Their Topic
Successful Bloggers มีความกระหายที่จะเขียนใน Topic ของเขา ถ้าคุณไม่มีแรงบันดาลใจใน
Topic ของคุณ มันเป็นเรื่องที่สร้างความยุ่งยากให้คุณ โดยเฉพาะ ถ้าคุณจงใจสร้าง Blog เพื่อเงิน
3. They Interact With Their Readers
Blog เป็นการสื่อสารระหว่างกัน เพื่อให้เกิดการปรับปรุง Successful Bloggers สื่อสารกับ
ผู้อ่าน ตอบ email และ comment เพื่อให้ได้รับการตอบกลับ การสื่อสารเป็นการสร้างความสัมพันธ์และความจงรักษ์ (Loyalty) และทำให้คุณเป็นคนที่เขาสามารถเข้าหาได้
4. They Give Out Lot of Link Love
Successful Bloggers จะไม่ปกปิด link ของเขา เขาไม่มีปัญหาที่จะ Link กับ Site ใหม่ๆ John Chow คิดว่า ถ้า Blog นั้นเป็นเรื่องดีๆ หรือ แนวคิดนั้นๆอยู่ใน Topic ของเขา เขาจะไม่สนใจในเรื่อง Ranking เลย
5. They Know How to Brand Themselves
Successful Bloggers รู้วิธีสร้าง Brand ของเขา การมี Brand ทำให้ Blog ๘องเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ อะไรที่สร้างความแตกต่าง ตัวคุณและความสามารถในการโปรโมทให้แตกต่าง John Chow จึงแนะนำให้เรามี Owned Domain Name แทนที่จะใช้ระบบฟรี เช่น Blogspot
6. They Are Good Writers
คุณไม่จำเป็นต้องเป็น Great Writer แต่ที่คุณต้องทำ คือ การสร้างความคิดที่ดี (getting
your ideas) ผู้คนส่วนใหญ่อ่าน Blog เพราะต้องการจ้อมูล เขาไม่ถือสาเรื่องไวยากรณ์มากนัก ตราบใดที่เขาเข้าในประเด็นหลัก เมื่อเขาไม่เข้าใจ เขาจะถามคุณเอง และคุณจึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะของคุณ
7. They Read John Chow dot Com
แน่นอน Successful Bloggers อ่าน Blog ของ Bloggers ที่ประสบความสำเร็จคน
อื่นๆ John Chow อ่าน All Big Name Bloggers เพื่อดูว่า เขากำลังพูดเกี่ยวกับอะไร

How To Handle Negative Comments In A Blog
วิธีจัดการกับ comment ที่เป็นลบ
1. Negative Comments Are a Good Thing
John Chow ให้ความสำคัญกับ Negative Comment เพราะว่า มันเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของBlog ให้จำไว้เลยว่า เมื่อ Blog ของคุณโตขึ้น จำนวนของ Negative Comment ก็จะมากขึ้นเช่นกัน ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า Negative Comment ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย จริงๆแล้ว Negative Comment เป็นสิ่งที่ดี กฎที่ควรจำ ถ้าแนวคิดของคุณไม่ได้ทำให้เกิดการโต้แย้งเลย นั้น แสดงว่า คุณต้องทำอะไรที่ไม่ถูกต้องในหลักการสำคัญของการสร้าง Blog
2. Negative Comments Encourage Discussions
ลองนึกภาพดู จะเป็นที่น่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน ถ้า Blog ของคุณมีแต่ Comment ที่บอกว่า “เห็นด้วย” “คุณกล่าวถูกต้องแล้ว” การมี Negative Comment ทำให้มีการถกแถลงเกิดขึ้นในหมู่ของผู้อ่าน มันก็คล้ายกับเกิดสงครามใน forum ที่หลายๆคนก็เข้ามาโต้แย้งกัน บ้างก็ว่า ไม่ควรหรือไม่ถูกต้อง เจ้าของ Blog ส่วนใหญ่ จะไม่ไปหยุดการโต้แย้งในทันที เพราะว่า การถกแถลงได้เพิ่มจำนวนผู้เข้ามาอ่าน Blog ของเขา เหตผลหนึ่งที่ John Chow อนุญาตให้มี Negative Comment ใน Blog ของเขา ก็เพราะว่า Negative Comment จะนำพาผู้คนจาก site ที่คล้ายๆกันมาร่วมเสนอความคิดเห็น
3. People Who Say They’re Leaving Don’t
ไม่มีใครที่จะจาก Site นั้นไป เมื่อเขาพูดว่า เขาจะไม่เข้ามาดูอีกแล้ว เขาเหล่านั้นอาจจะเข้าไม่บ่อยเหมือนที่ผ่านมา แต่ในที่สุด เขาก็จะเข้ามาอีกในโพสหลัง เพื่อถกแถลงหรือโต้แย้ง
4. How to Handle a Negative Comment
วิธีที่ดีที่สุด ที่จะจัดการกับ Negative Comment ก็คือ ขอบคุณเขาและบันทึกข้อกังวลของเขาไว้ อย่าทะเลาะกับผู้อ่าน ถึงแม้ว่าเขาจะกดดันคุณ เพื่อแสดงว่าคุณเป็นมืออาชีพ ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่า คุณสามารถลบ Negative comment นั้นเสีย แต่คุณก็ไม่ควรทำ เพราะ comment ก็เหมือนกับ content ซึ่งสร้างจำนวนผู้เข้ามาอ่าน
ในคราวต่อไป เมื่อคุณอ่าน Negative Comment คุณจะต้องไม่มองว่า เป็นสิ่งไม่ดี เพราะมันแสดงถึงการเติบโตของ Blog คุณ คุณกำลังทำในสิ่งที่ถูกแล้ว ถ้าคุณไม่มี Negative Comment ก็แสดงว่าคุณกำลังมาผิดทาง

Post Length & Post Frequency
ความยาวของการโพส อาจจะตั้งแต่ 1 Paragraph จนถึง 7,000 คำ กุญแจสำคัญ
ไม่ได้อยู่ที่ความยาวของโพส แต่อยู่ที่ความถี่ของการโพส และที่สำคัญ ก็คือ ความสม่ำเสมอของการโพส John Chow ชอบที่จะโพส 200-1,000 คำ ขึ้นกับว่าประเด็นที่ต้องการโพส การที่เขาโพสที่ต่ำสุดไม่น้อยกว่า 200 คำ ก็เพื่อให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูล (ถ้าน้อยกว่า 200 คำ Google จะไม่สนใจเลย
การโพสบ่อยๆ มีความสำคัญมากกว่าการโพสที่ยาวๆ การโพสทุกๆวันนั้นเป็นประโยชน์ เพราะทำให้ผู้อ่านเข้ามาดูเป็นประจำหรืออาจจะ Subscribe RSS Feed ของคุณ Google เองนั้น ชอบ Site ที่มีการ Update บ่อยๆ และจะส่ง Google Robot (Googlebot) มาเก็บข้อมูลของคุณบ่อยขึ้น การโพสบ่อยๆ นั้น สำคัญ Blog ใหญ่ๆ จะฉวยโอกาสแย่งผู้ชม จาก Main Site ที่ไม่ Update Site เพราะอยู่ระหว่างการพักผ่อน แต่ที่สำคัญ กุญแจหลักอยู่ที่ความสม่ำเสมอของการโพส

Blogging Mistake

Chapter 3 (continue)
Blogging Mistake To Avoid
สิ่งที่ Blogger ควรหลีกเลี่ยง
1. Non Updating

ไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่า การไม่ Update Blog การ Update Blog ที่ดี ควรมีวงรอบการ Update ที่แน่นอน นอกจากจะทำให้ Rank ดีแล้ว ยังทำให้ผู้อ่านแวะเวียนเข้ามาเป็นประจำ การโพสบ่อยๆ นั้น เป็นผลดี แต่ยังไม่สำคัญเท่าความสม่ำเสมอในการ Update Blog
2. Blog Only For Money
มี Bloggers จำนวนน้อยมากๆที่ สร้าง Blog เพื่อเงินอย่างเดียวแล้ว ประสบความสำเร็จ และ
แต่มีน้อยกว่าน้อยมากที่ Blog นั้นๆสร้างรายได้มากกว่า $100/เดือน เพราะการที่คิดสร้างรายได้เพื่อเงินอย่างเดียวนั้น ขัดกับธรรมชาติของการโพส และทำให้กรอบความคิดแคบ ขาดความริเริ่มหรือสร้างสรรค์
Blog ของ John Chow สร้างรายได้มากมาย เพราะฐานความคิดของเขาไม่ได้สร้าง Blog เพื่อเงิน
3. Rushing Post
ทุกๆ คน ต้องการโพสเรื่องที่ Hot ให้เร็วที่สุด ก่อนใครๆ แต่ความรีบร้อนและไม่มีการสอบทาน มักทำให้เกิดความผิดพลาด จึงควรตรวจทาน 2-3 รอบ ก่อนเผยแพร่ แต่ถ้ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น คุณต้องแก้ไขโดยเร็ว
4. Not Being Personal
Blog ไม่ใช่ CNN หรือ ข่าว แต่ Blog ที่ดีต้องสนองต่อ ผู้อ่านต้องการรับทราบความคิดเห็นและสิ่งต่างๆที่คุณเสนอ คุณต้องสร้าง Blog เพื่อสนองความต้องการผู้เข้ามาอ่าน โดยการนำเสนอความคิดเห็นของคุณ เพื่อให้เกิดการถกแถลง
5. Being a Copycat
อย่า
copy content ของผู้อื่น เพราะ Blog คุณจะไม่มีความแตกต่างจากเขาเหล่านั้น คุณต้องสร้าง “อะไร” ขึ้นมาเพื่อให้คุณ “แตกต่าง” เป็น “หนึ่งเดียว” คือ “คุณ” ทั้งๆที่คุณอาจจะเขียน Topic เดียวกับเขาเหล่านั้น แต่คุณได้เพิ่มความคิดเห็น ความเป็นตัวตนของคุณจึงทำให้เกิดความแตกต่าง
John Chow เขียน Blog เรื่องเกี่ยวกับการสร้างรายได้ทางอินเตอร์เน็ต เหมือนคนอื่นๆ แต่แตกต่างจากผู้อื่น ทำให้ Blog ของเขาสร้างรายได้มากมาย
6. Not Replying to Comments
Blog เป็นการสื่อสาร 2 ทาง การไม่ตอบ comment ทำให้คุณสูญเสียผู้เข้ามาอ่าน เพราะคนอ่านก็ต้องการ คำตอบ การโพสโต้ตอบ ทำให้จำนวนผู้เข้าชม Blog มากขึ้น แต่ถ้าไม่มี Comment นี่สิ คุณต้องพยายามใส่ข้อความ (Two Plugins to Increase Blog Comment)
7. Not Giving a Full RSS
ถ้าคุณไม่ได้โพสมากกว่าวันละ 10 ครั้ง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ใช้ Full RSS
John Chow พบว่า ตั้งแต่ เขาเริ่มใช้ Full RSS และได้เพิ่ม RSS Subscribers มาเรื่อยๆ ช่วยทำให้ Blog ของเขามีคนเข้ามาดูมากขึ้น ถึงแม้ว่า การบริหาร Full RSS ใน Blog จะยากสำหรับ Blogger แต่ผู้เข้ามาอ่าน ก็ต้องการที่จะอ่านข้อมูลแบบครบถ้วนมากกว่าขาดๆหายๆ
8. Not Reaching Out to The Other Bloggers
วิธีที่ดีที่สุด ที่ Blog ของคุณจะได้รับ Comment คุณควรเข้าไปทักทายใน Blog อื่นๆ ที่มีเนื้อหาคล้ายกัน และทิ้ง Trackbacks ไว้
John Chow จะทำการตรวจสอบ Comment ของเขาอย่างสม่ำเสมอ และจะไปเยี่ยมชม Blog ของคนอื่นๆ ทำให้เขาได้พบ Blog ที่ดีๆ ที่เขานำมาสร้างหรือพัฒนา Blog ของเขา
วิธีอื่น ได้แก่ การแลก Link กับ Site อื่นๆ โดยไม่สนใจว่า Site นั้นๆ จะมี Rank ที่ดีหรือไม่ และทิ้ง Trackbacks ไว้ รวมทั้งการเป็นสมาชิกของ Blog นั้น
9. Writing for Google instead of People
มีหลาย Blogger ที่สนใจมากเกินไปกับการสร้าง Ranking กับ Google ในเรื่อง Key Phases , Keyword Density,… ซึ่งเป็นการเขียน Blog ให้ Google อ่าน ทั้งๆที่ ความจริงแล้วนั้น ต้องการให้มีคนทั่วๆไปเข้ามาอ่าน เขาทำถูกหรือ
10. Not Reading John Chow Dot Com
(ผู้แปล ก็ คิดเช่นนั้น)

Wednesday, August 22, 2007

Beginner's Blogging Tips

Charter 3
Beginner’s Blogging Tips
1. Blog about Something You’re Passionate Tips
ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเขียนเรื่องอะไร ยังไม่ต้องกังวล วิธีที่ดีที่สุด ก็ ถามตัวเองว่า “Would I do this for free?” และถ้าคุณตอบ Yes คุณจะพบเรื่องที่คุณควรจะเขียน ผู้ที่ตั้งใจสร้าง Blog เพื่อเงินนั้นมีน้อยรายที่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาได้ตั้งกำแพงของเจตนาขึ้น จนทำให้มุมมองตีบตัน (ผู้แปล)
2. Get Your Own Domain Name
Blog ที่ให้บริการฟรีแก่สมาชิก เช่น Blogger.com และ Wordpress,com นั้น จะมี ลักษณะ http://your**word.blogspot.com หากต้องการเป็น Domain Name ของเรา ต้องเสียค่าบริการ
การที่เรามี Owned Domain Name ของเราเองนั้น จะดูเป็นมืออาชีพ และบาง Ads Network ก็ไม่ยอมรับ ถ้าเราไม่มี Domain Name มี Host ที่ให้บริการ เช่น BlueFur ค่าใช้จ่ายเดือนละ $5 และจะได้ส่วนลด 15% ถ้าคุณสมัครและใส่ข้อความ “JohnChowRocks” ใน Coupon Code
สิ่งต่อไป ที่คุณต้องทำ คือ การสร้าง Blog การสร้าง Backlinks (มากๆ) การ Submit กับ Blog Directories เช่น Alexa และ Technorati
3. Update The Blog Often
Blog ที่ไม่มีการ Update ก็เหมือนกับ Blog ตาย เราจึงควร Update อย่างสม่ำเสมอ
4. Get to Know Your Readers
Blog เป็นการสื่อสาร 2 ทาง Blog ของคุณจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าไม่มีคนเข้ามาดูหรือไม่มี comments นอกจากนั้น Blog ยังสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณ ผู้อ่านและ Blogs อื่นๆ ที่คุณ Link ไปหาหรือ Link เข้ามา
5. Monetize the Blog With Multiple Sources
คุณต้องสร้างรายได้จากหลายๆทาง อย่าจำกัดเฉพาะ Google AdSense เพราะยังมีอีกหลายๆAdS Network ที่คุณสามารถนำมาสร้างรายได้ John Chow มีรายได้จาก Google AdSense เพียง 10%
ของทั้งหมด John Chow สร้างรายได้จาก Ads Network ถึง 8 แหล่ง และมีเพียง 2 แหล่งเท่านั้นที่เป็น Ads Banners ทำให้ Blog ของเขาสะอาด ทั้งๆที่ทั้งหน้านั้น เขาได้ใส่โฆษณาไว้อย่างมากมาย (Text และ Content Link) และไม่เป็นการรบกวนสมาธิของผู้เข้ามาอ่านด้วย (ในโพสก่อนหน้านี้)

Tuesday, August 21, 2007

Make Money Online With John Chow dot Com

ทำไม John Chow สร้างรายได้จาก Blog เดือนละมากกว่า $10,000+ ได้ภายใน 8 เดือน
ผมได้แปล eBook ของ John Chow เป็นหนังสือที่ดีมากๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างรายได้จาก Blog ทำไม Big Bloggers จึงสามารถสร้างรายได้ไม่จำกัดจาก Blog ผมได้ส่ง email ถึง John Chow เพื่อขออนุญาตแปลเป็นภาษาไทยและขอขอบคุณ John Chow สำหรับ eBook ชุดนี้

Make Money online With John Chow dot Com

How I Went From Zero To $10,000+ a Month By Blogging and How You Can Too

Chapter 1
Someday Never Comes

Give Yourself And Out


ความแตกต่างของการกำหนดเป้าหมาย “Goal” ของผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จกับผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นแตกต่างกัน เรามักจะได้ยินคำว่า “สักวันหนึ่ง ผมจะทำ...” จากผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จ เราจะได้ยินว่า “เขามีแผนที่จะทำในวันที่...”

ทำไมผู้ไม่ประสบความสำเร็จจึงมักพูด “สักวันหนึ่ง (some day)” “ผมหวังว่า (I wish)” “ผมอยากจะ” สาเหตุเพราะ เขาเหล่านั้นต้องการหลีกเลี่ยงการผูกมัดจากความรู้สึกที่จะล้มเหลว ใช่ เขากลัวและเกลียดความล้มเหลว ต่างจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้รู้ดีว่า ความสำเร็จมักเกิดจากความล้มเหลวมาก่อน

ทุกๆคนมี “ความฝัน” มี “เป้าหมาย” แต่ ความฝันแตกต่างจากเป้าหมาย เพราะเป้าหมายจะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ ทุกคน มีความฝันที่อยากมีอิสระทางการเงิน มีครอบครัว อยากช่วยเหลือผู้อื่น และอีกมากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่สร้างเป้าหมายเพื่อให้บรรลุความฝัน คุณกำหนดเวลาที่จะทำให้ฝันเป็นจริงหรือยัง หรือคุณยังคงพูดว่า “สักวันหนึ่งผมจะทำมัน” หรือ “ผมหวังว่ามันจะดีขึ้น”

เป้าหมายที่ไม่ได้ตั้งเวลาไว้ ก็คือ ไม่มีเป้าหมาย
ลองจินตนาการว่า จะจองคอนโดมิเนียมแต่ไม่รู้ว่า คอนโดมิเนียมนั้นจะแล้วเสร็จเมื่อไร และเจ้าของโครงการบอกว่า “สักวันหนึ่งมันจะแล้วเสร็จ” แล้วคุณจะยังซื้อหรือไม่ เหมือนกัน คุณคงไม่ซื้อคอนโดมิเนียมนั้นแน่ๆ แล้วคุณคิดว่า “คุณจะยังซื้อความฝันอยู่อีกหรือ”

ถ้าคุณอยากจะได้รับสิ่งดีๆกับชีวิตคุณ คุณจะต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน และการกำหนดเวลาจะทำให้คุณต้องปฏิบัติ แทนการนั่งฝันว่า “สักวันหนึ่งผมจะได้..” อย่ากลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวจะสร้างประสบการณ์ให้คุณประสบความสำเร็จ

ผู้คนมากมายต้องการสร้างความสำเร็จจากอินเตอร์เน็ต และก็มีเพื่อนๆของผมหลายคน อย่างไรก็ตาม ในหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ทำอย่างจริงจัง ทั้งๆที่ผมได้พยายามกระตุ้นให้เขาเหล่านั้น “สร้างเว็บเดี๋ยวนี้” มีหลายคนที่ตอบว่า ผมต้องการจะทำ ผมก็รอมาหลายปี และก็เชื่อว่า “สักวันหนึ่งเขาเหล่านี้จะสร้างเว็บ”

Chapter 2
My Recommended Money-Makers

คำแนะนำสำหรับผู้สร้างรายได้ทางอินเตอร์เน็ต

ข้างล่างนี้ เป็นเครือข่ายงานโฆษณา (Ad Network) และระบบการบอกรับสมาชิกเครือข่าย (Affiliate Program) ที่ John Chow ใช้สร้างรายได้ และเลือกมาจากทั้งหมด 130 เครือข่าย เป็นเครือข่ายที่ได้รับการยอมรับในเรื่องบริการ ระบบสนับสนุนและความซื้อสัตย์ในการจ่ายเงิน

Kontera ContentLink

Kontera ContentLink ให้คุณสร้างรายได้จากการโฆษณา เทคโนโลยีของ Kontera จะอ่านข้อความของคุณและส่ง link มาให้ (คำที่ขีดเส้นใต้ 2 เส้นและ Ads Pop จะปรากฏเมื่อเอาเมาส์ไปวาง)

เว็บที่จะสมัครต้องมีจำนวน Page Overview เดือนละไม่ต่ำกว่า 500,000 แต่ คุณก็สามารถสมัครได้ ถึงแม้เว็บคุณจะเป็นเว็บเล็ก โดยพิมพ์ในแบบฟอร์มว่า “John Chow Kontera Partnership” เพราะ John Chow เป็นสมาชิกหลักของ Kontera

Sign Up for Kontera

Text Link Ads

Text Link Ads เป็นอีกระบบที่ John Chow ใช้ และทำให้ John Chow สร้างรายได้จากการขายและยังเป็นประโยชน์ในด้านการเพิ่มจำนวนผู้เข้าเว็บและด้าน Search Engine ด้วย รวมทั้งระบบยังไม่เป็นการรบกวนจิตใจผู้เข้ามาดูเว็บ ราคาของ Link ขึ้นกับ Text Link Ad, Alexa, Google Pagerank, จำนวน RSS Feed และ ปัจจัยอื่นๆ

Sign Up for Text Link Ads

Google AdSense

ระบบนี้เป็นระบบที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างรายได้จาก Blog มีทั้ง Simple Text และ Image Ads โดย Google จะเป็นผู้เลือกโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับเว็บของเรา มาให้

Sign Up for Google AdSense

Bidvertiser

Bidvertiser เป็น CPC ad network ( CPC = Cost Per Click, จ่ายทุกๆครั้งที่มีการคลิก) ที่เป็นคู่แข่ง Google AdSense และมีข้อเหนือกว่า Google AdSense ที่ Minimum Payout Level คือ $10 (Google AdSense $100) เหมาะสำหรับ Blog เล็กและมีรายได้น้อย

Sign Up for Bidvertiser

Auction Ads

Auction Ads เป็นเครือข่ายของ eBay สิ่งที่ Auction Ads ทำก็คือ เป็นศูนย์รวมของผู้โฆษณาให้กับ eBay วัตถุประสงค์ให้เราสร้างรายได้จากการเป็นผู้ร่วมโฆษณาแทนการอยู่ในระบบสมาชิกตรงของ eBay’s affiliate Program

Sign Up for Auction Ads

Review Me

Review Me เป็นแหล่งสร้างรายได้ที่ใหญ่ที่สุด ที่ John Chow ได้รับ ในเดือนเมษายน John Chow มีรายได้จาก Review Me $4,500 จากจำนวนทั้งสิ้น $11,702.66 Review Me อนุญาตให้ผู้โฆษณาซื้อ sponsored reviews มาใส่ใน Blog ราคาขึ้นกับ Alexa, Technorati และจำนวน RSS Feed แต่จำนวนตัวอักษรใน post ต้องไม่น้อยกว่า 200 คำ

Sign Up for Review Me

TTZ Midia

TTZ Midia ระบบนี้เป็นของ John Chow เป็นระบบสำหรับด้าน Technology และ Shopping TTZ Midia Network ยังไม่พร้อมดำเนินการ

AGLOCO

AGLOCO สร้าง Toolbar ที่มีข้อความโฆษณา ถ้าคุณ Run Toolbar คุณจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโฆษณานั้น และยังจ่ายให้คุณเมื่อคุณแนะนำให้คนอื่นใช้ Tool Bar นี้ ยิ่งคุณมีสมาชิกมากเท่าไร คุณก็ยิ่งสร้างรายได้มากขึ้น ปัจจุบัน John Chow มีสมาชิกมากกว่า 16,000 คน และเพิ่มมากกว่า 100 คนต่อวัน AGLOCO เพิ่งเริ่มดำเนินการ จึงยังไม่มีการจ่ายเงินให้สมาชิก อย่างไรก็ตาม คุณไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และมีเพียง AGLOCO ระบบเดียว ที่คุณไม่จำเป็นต้องมีเว็บ

Sign Up for AGLOCO

Thursday, July 26, 2007

หลักในการสร้าง blog หรือ web ให้อยู่ในลำดับดีๆของ Google

ถึงเพื่อนๆ ที่ได้สร้าง blog หรือ web (รวมทั้งที่กำลังจะสร้าง)
การสร้าง blog หรือ web เราก็ต้องการให้ blog หรือ web ของเรามีคนเข้ามาดูมากๆ จะทำอย่างไร เราเรียกว่า "การโปรโมท""search engine optimization" ผมขออนุญาตุกล่าวถึงการสร้าง Blog เป็นส่วนรวมและสำหรับ Google มีหลักการง่ายๆ ดังนี้
1. "Keywords" Keywords ก็คือ คำหลักที่เราคิดว่า ผู้ที่ค้นหาข้อมูลใน search engine จะพิมพ์ลงไปใน search box เราจะต้องคัดสรรและชั่งน้ำหนักก่อน ระหว่าง การใช้บ่อย หรือ ความเฉพาะเจาะจง (มีคนค้นหาน้อย และมี Webที่ใช้เป็น Keywords ไม่มาก แต่เราแข่งขันได้)เช่น "Agloco" มีคนใช้มากมาย เราคงแข่งไม่ไหว แต่ถ้าเป็น "Agloco จ่ายเงิน" (ผมใช้ "-" มีเหตุผล ให้ดูที่ http://ed-googleadwords.blogspot.com )เราน่าจะสู้ไหว ขอให้จินตนาการ ว่า ถ้าเราเป็นผู้ค้นหาข้อมูล เราจะพิมพ์คำค้นหา คำไหน
2. สัดส่วนของ Keywords ใน เนื้อหา ควรอยู่ที่ ร้อยละ 5-7 คือ ถ้าทั้งบทความเรามี 100 คำ ควรจะมี Keywords ประมาณ 5-7 คำ (ถ้าน้อยกว่า 3 google Robot แทบไม่มองเลย)
3. ความสัมพันธ์ระหว่าง Keywords กับ เนื้อหา ต้องสัมพันธ์กัน ฉะนั้น เพื่อให้ง่าย เราควรจะคิดและหา Keywords ก่อน แล้วจึงมาสร้างเป็นเนื้อหา
4. ทำการปรับปรุงและเขียนบทความบ่อยๆ (Update)
5. การ Post ในเว็บอื่นๆและทิ้ง Link ของ blog เราไว้
6. การ Submit ใน search engine และ Web directories (ผู้ที่ใช้ Blogger ไม่ต้อง google submitเพราะเป็นของ google อยู่แล้ว)
7. ผู้ที่ใช้ blogger.com ให้พิมพ์ "Keywords" ลงใน "ป้ายกำกับสำหรับบทความนี้" ทุกครั้ง