แหล่งขายส่งสินค้าที่จะนำมาขาย

แหล่งขายส่งสินค้าที่จะนำมาขาย ส่วนใหญ่ เราคิดว่า แหล่งขายสินค้าที่จะนำมาขายเป็นอุปสรรคใหญ่ ฉะนั้น เราจึงหมดเวลาไปกับการเที่ยวค้นหาแหล่งขายสินค้าที่คิดว่า ดี และน่าจะนำมาขายได้ ค้นไปค้นมา ก็จะพบว่า มีแหล่งขายสินค้ามากมายเหลือเกิน แถมยังพบเห็นว่า มีผู้ขายเห็นกันดาษดื่น ...โอกาสที่จะไปพบโดยบังเอิญกับแหล่งขายสินค้า สินค้าประเภท คุณภาพดี ยั่งยืน แตกต่างและหายาก ไม่มีแน่นอน แล้วทำไม...? ยังมีคนอื่นๆ ขายของออนไลน์ กัน ถ้าคุณติดกับดัก ข้อ 1 เมื่อไร ให้คุณย้อนกลับไปดูสินค้าใกล้ตัวคุณ เพราะ เราลืมอะไรไปแน่นอน..เราลืมแนวคิดที่จะขายสินค้า ไง เราจะหาสินค้าได้จากที่ไหน แหล่งขายส่งสินค้า มีที่ไหนบ้าง ผู้ขายส่งสินค้า มีหนังสือดีๆ มากมายที่เขียนแนะนำแหล่งขายส่งสินค้า เช่น โบ้เบ้ ประตูน้ำ จตุจักร ตลาดโรงเกลือ เว็บไซต์ขายส่งสินค้า มีมากมาย เช่นกัน ทั้ง 2 แหล่งขายส่งนี้ เป็นทางเลือกที่หลายๆคนทำกันอยู่ 2. สินค้าท้องถิ่น เช่น งานฝีมือ ของชำร่วย 3. สินค้าของเราเอง แหล่งสินค้าท้องถิ่นกับสินค้าของเรา เป็นแหล่งสินค้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเรามีอิสระสูงในการตั้งราคาขาย เรียกว่า มีกำไรต่อชิ้นสูง ถึงตอนนี้แล้ว ยังนึกไม่ออกว่า มีอะไรบ้าง ให้ลองค้นหาใน Google Image ด้วยคำว่า “ขายงานฝีมือ” “ขายสินค้าท้องถิ่น” “สินค้าโอทอป” กรณี สินค้าของเราเอง มีมากมายขึ้นกับแนวคิดที่จะขายของออนไลน์ของตัวคุณเอง คุณอาจจะมีอยู่แล้วหรือผลิตขึ้นมาใหม่ก็ได้ ผมพูดเช่นนั้น ก็เพราะ...แม้แต่ ...ดิน ยังมีคนเอามาขายออนไลน์เลย น้ำก็มี อากาศก็มี ขายสินค้าล่วงหน้าก็มี (เช่น เมล็ดพืชพันธุ์ดี ต้องรอฤดูเก็บเกี่ยว กล้าไม้รอโต) จะขายสินค้าอะไร อยู่ที่ว่า เราสามารถมองเห็นตลาดและมีโอกาสก่อนคนส่วนใหญ่ได้ มากน้อยเพียงใด ผมซื้อกล้วยไม้จาก น้องนักเรียนมัธยมปลาย จ.เชียงราย ซื้อ เฟอร์นิเจอร์ไม้จากลำพูน และ ปราจีนบุรี ซื้อเสื้อผ้าจากหาดใหญ่ สั่งซื้อเมล็ดพันธุ์พืชจากชัยภูมิ ซื้อเครื่องออกกำลังกายจาก Trendyday อย่างไรก็ตาม สินค้าที่คุณเลือกที่จะนำมาขายออนไลน์ คุณต้องพิจารณา เรื่อง ระบบการขนส่ง เช่น มีร้านรับ-ส่งพัสดุอยู่ใกล้ หรือมีรถรับจ้างขนส่ง ไม่เป็นภาระทางธุรการมากนัก (การขายของออนไลน์ที่ดี เราควรจะมีงานธุรการให้น้อยที่สุด) ถึงตอนนี้ ผมสมมุติว่า คุณๆ มีสินค้าที่จะขายแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ให้เลือกไว้อย่างน้อยสัก 2-3 ประเภท ให้คุณลองใส่คำค้นหาของสินค้าของคุณด้วยคำพื้นๆ (ยกตัวอย่าง สมมุติว่าคุณจะขายไม้แขวนกล้วยไม้ ก็ให้พิมพ์คำว่า “กล้วยไม้”) ใน Google ดูก่อน เพื่อดูว่า ตลาดใหญ่พอไหม (คุณจะเห็นว่าตลาดกล้วยไม้ใหญ่ที่เดียว 3-4 ล้าน Webpage) ต่อไปให้คุณค้นหาด้วยคำว่า “ไม้แขวนกล้วยไม้” คุณจะพบว่ามีเพียง 7 หมื่น Web Page นี่เรียกว่า เราเจอตลาดที่น่าสนใจทีเดียว แต่...อย่างเพิ่งสรุป คุณต้องทำต่อ เพื่อดูว่า จริงๆแล้วมีค้นต้องการซื้อไม้แขวนกล้วยไม้โดยประมาณเดือนละเท่าไร คุณทำได้ ด้วยการพิมพ์คำค้นหาแต่ละคำ ด้วยการเว้นวรรค จาก http://www.google.com/trends/ คุณจะพบว่า ไม่มีสถิติ หรือ ไม่มีคนค้นหาด้วยคำๆนี้ แสดงว่า ตลาดนี้แคบเกินไป ไม่สมควรทำตลาดแบบตรงๆ (สามารถทำตลาดทางอ้อมได้ ด้วยการพ่วงไปกับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เช่น กล้วยไม้ เป็นต้น) สมมุติว่า คุณมีสินค้าที่จะขายแล้ว ให้ บันทึก คำค้นหา ที่คุณใช้ในการตรวจสอบตลาดไว้ด้วย ว่า คำไหน บ้าง เป็นคำที่ดี มีลูกค้าหรือตลาดเพียง คำว่า เพียงพอ ขึ้นอยู่กับสินค้าของคุณเอง บางสินค้ามีผลการค้นหาเพียงเดือนละ 100 ก็สามารถนำมาใช้ได้ เช่น สินค้าราคาแพงๆ มีส่วนต่างสูง (Margin) แต่สินค้าทั่วๆไป ควรจะมีหลักพันได้เป็นดี ถึงตอนนี้ คุณพร้อมที่จะมีเว็บขายของเป็นของตนเองแล้ว คำค้นหา แหล่งขายส่งสินค้า